วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วิถีทางแห่งลูกหนัง 1

         โลกของลูกหนังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีเรื่องราวมากมายมีตำนานทั้งที่ยังโลดแล่นอยู่และล้มหายตายจาก รวมทั้งบางคนได้ผันตนเองไปสู่โค้ชผู้ฝึกสอนหรือคร่ำหวอดอยู่ในวงการฟุตบอลก็เยอะ สำหรับบทความนี้อาจเป็นการกล่าวถึงภาพรวมของโลกทุนนิยมลูกหนัง ชีวิตพ่อค้าแข้งหรือเกร็ดเล็กน้อยอิงปรัชญาและความเป้นจริงตามวิถีทางของลูกหนังหรือฟุตบอลสมัยใหม่ในยุคที่ผู้เขียนมีลมหายใจอยู่ทั้งในวัยเด็กยุค 80 จนถึงปัจจุบัน (I phone 5 กำลังวางตลาด) ทั้งบอลอังกฤษ ยุโรปและเสียดสีสีลีคไทยบ้าง ตามที่ผู้เขียนได้วิเคราะห์และหาข้อมูลอยู่ในวงการลูกหนังมาทั้งชีวิต (เกือบ 30 ปี)
              ฟุตบอลอังกฤษในยุค80 -90 นั้นต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิงทั้งรูปแบบการเล่น การตลาดข้อมูล ต่างๆ ความยากง่าย ในการเข้าถึงภาพเสียง บทวิเคราะห์ บทสัมภาษณ์เมื่อก่อนจะได้อ่านผ่านกระดาษหนังสือพิมพ์ผ่านคอลัมภ์นิสต์กรองมาให้เราอีกทอดหนึ่งแต่ปัจจุบันทุกคนสามารถโพสแชร์ แสดงความคิดเห็นทั้งในแบบเป็นทางการ เสียดสีทีมคู่แข่งแบบเกรียนๆ (ปัจจุบันคน comment เกรียนมากใน pantip.com) พูดง่ายเชียร์บอลสมัยใหม่ไม่รู้ไม่ได้ พยายามไม่รู้ก็มีคนมาโพสให้เห็นข้อมูล ให้เจ็บช้ำอยู่ร่ำไปไม่ว่าทีมจะชนะแพ้หรือข่าวสารอัพเดทอะไร ผู้เขียนเติบโตมาในยุคที่หงส์แดงหรือปัจจุบันมีคนตั้งฉายาให้ใหม่ว่าเป็ดแดง (เดาว่าเป็นแฟนผี) มีอิทธิพลต่อบอลอังกฤษเป็นอย่างมากเนื่องจากได้แชมป์ลีกสูงสุดหลายสมัยติดต่อกัน เอียนรัช จอห์น บานส์ สตีฟ แม็คมานามาน ต่อเนื่องมาถึง ฟาวเลอร์ ล้วนแต่เล่นบอลกันด้วยความ เมพขิงๆ (เด็กเกรียนเล่นเกมพิมพ์ผิดเนื่องจากคีย์บอร์ดใกล้กันมากจริงๆมันคือ เทพจริงๆ) สำหรับรูปแบบการเล่นนั้นผมได้ดูผ่านรายการเจาะสนามทางช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณโดยคุณ ย โย่ง แกจะพากย์มันมากตอนที่ลูกเข้าประตู หงส์ยุคนั้นต่อบอลทั้งสั้นยาวได้แม่นยำจบสกอร์เฉียบคม ตอนนั้นผู้เขียนน่าจะไม่เกิน ป.2 คนที่อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มจะคิดในใจแล้วว่า ไอ้นี่มันเด็กหงส์แน่...อย่าเพิ่งสรุปครับมาดูกันต่อ ผมโตมากับการเตะบอลบ้าบอลพลาสติก บางครั้งเอาลูกเทนนิสมาเตะ หลังจากจบรายการเจาะสนามตอนบ่ายก็จะบ้าบอเตะอยู่อย่างนั้นจนเย็นมโนว่ามีเพื่อนเตะด้วยหลายคนทั้งที่ชิ่งกับพนังบ้างฟุตบาตถนนบ้าง อยู่อย่างนั้นจนคิดว่าตัวเองชอบลิเวอร์พูล เป็น red machine กะเค้า แต่อะไรคือจุดเปลี่ยนของโลกลูกหนังของผมต้องตามดูกันต่อครับในครั้งต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น