วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ชีวิต ความหวัง ในปีใหม่ๆ

           วันที่ทุกอย่างเคลื่อนตัวออกจากจุดศูนย์กลาง วันที่ถือเป็นวันสุดท้ายของภาระ การหอบหิ้ว ใจร้าว ตรากตรำกับสภาวะทั้งหลายในปีที่มีการพลิกผันทั้งการเดินทาง เรื่องราว ความคาดหัวง ความสำเร็จ  ล้มเหลว คลุกคลานทางอารมณ์ ผู้คน มากมาย เป็นปีที่ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงผกผันจากจุดหนึ่งไปยังจุดที่ไม่เป็นหนึ่ง แต่การก้าวผ่านพ้นมาได้เป็นรางวัลชีวิตที่หลายๆครั้งไม่เคยประสบ ปีที่ความอ่อนไหว อ่อนโยน ท่ามกลางการพบปะ ท้าทาย ความรู้สึกนึกคิด หัวใจอ่อนแรง แข็งกร้าว ปะปนผสมปนเป การเดินตามทางวิถีของสันดานเดิม ความสุขใกล้ตัวที่ไม่รู้ว่าเมื่อผ่านพ้น ชม. ที่ 25 ของวันสุดท้ายปีจะยังคงอยู่ตลอดไปหรือชั่วคราวแค่ไหน ต้องยอมรับและเข้าใจสิ่งต่างๆอย่างที่ผ่านมา เราอาจเดินอยู่บนเส้นทางนี้เพื่อพบเจอสิ่งไม่คาดฝัน ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน หรือเรียบง่าย อยู่ที่ใคร อยู่ที่เธอ อยู่ที่เรา อยู่ที่วันนี้ ความสุขอย่างง่ายของเรา ความสุขอย่างง่ายของฉันและเธอ  การเดินทางขึ้นฟ้าลงดินหกเหินเกินทะยาน เพื่อกลับมาสู่บ้านเก่าที่เราต่างรู้ว่า ริมเจ้าพระยากับผู้คนที่คุ้นเคย วางใจในวัยเด็ก ความสุขที่ชีวิตยอมสยบต่อความเรียบง่ายวิถีแม่น้ำ แม่น้ำของหัวใจ และอาจเป็นเธอใช่ไหมที่นำพาความรักกลับมา สู่แม่น้ำของเด็กชายที่เหม่อมองกระแสสินธุ์ ในเย็นย่ำที่ตะวันคล้อยต่ำสบตาเรา บนผิวน้ำใหญ่ หลังบ้านของเรา จะรอคอยเธอ และคิดถึงเธอเสมอ...

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เช้าที่ไม่มีฝนพรำมา

             ความสวยงามจากสิ่งที่เป็นเธอ ความรู้สึกที่ลืมไปขณะการเดินทาง มีสัญญาระหว่างกายและใจที่เป็นหนึ่ง การได้ผ่านทางสายเดิมซ้ำไปซ้ำมา แต่สูงชันตามการหลอกหลอนของอดีต ที่ข่มใจให้เบื่อหน่ายชินชากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเร็วกว่าที่จิตใต้สำนึกกำหนด ความรักในตัวตนลดลง สนใจความต่อเนื่องมากขึ้น เธอชดเชยความขาดหาย ความหวัง การได้กลับมารู้สึกในช่วงเวลา ที่ร่างกายลมหายใจเราก่ายกอด บ่งบอกถึงสารที่อยู่ภายใน เคมี ต่างๆที่ครุกรุ่นได้ดีกว่าคำพูด สัญญาจอมปลอม จะเชื่อในความเป็นธรรมชาติที่สุดเพราะการเลยผ่านสิ่งที่ เป็นครรลองจังหวะชีวิตไม่ได้ช่วยต่อเติมความสุขได้เท่ากับปริมาณที่อยากต้องการ ฉันเดินทางมาเพื่อพบเจอร่องรอยของคนอื่น สวมทับรอยทางของเรา เงาของเราทอดยาวไปถึงแสงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ฝันและหวังจากนี้ จะไม่มีสิ่งที่เหนือกว่าจิตที่มีสุขของเรา

             การไม่มีอยู่ของสัญญา ความหวัง จิตที่เป็นธรรรมชาติ คือการควบคุมและคัดสรรที่เป็นจริงที่สุดของ ความสัมพันธ์ ที่ผ่านทั้งเวลา ผู้คน มาถึงจุดที่เปราะบางแข็งกร้าว แต่ลึกซึ้ง ความสุขจะกลับมาอีกครั้ง แม้ไม่ได้อยู่ในรูปแบบเดิมๆ ...ก็ตาม

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หนังสือเล่มใหม่

             ความสัมพันธ์ ความรัก ที่มีจังหวะ rhythm ของท่วงทำทองแห่งภาษากาย มนุษย์นั้นมีทั้ง วัจนภาษา และ อวัจนภาษา เฉกเช่นเดียวกับสัตว์สังคมในป่าน้อยใหญ่ที่ต่างมีความเกื้อกูล ความรู้สึกในการยังชีวิตให้มีความหมายคุณค่าต่อไป วันวานมันคืนย้อนมาไม่ได้ และวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้ การได้ดำรงอยู่ในเส้นทางของความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องมีแม้ความคาดหวังใดๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความอาทรต่อสิ่งที่ตอบสนอง การชิดใกล้สวมกอด ริมฝีปากที่แผ่วเบา มีความหมายกับความเฉยชาของร่างกาย ดั่งการชโลมชดเชยจากน้ำฝนฉ่ำเย็น ฉันไร้ซึ่งความปรารถนาในรูปแบบที่ผู้อื่นถวิลหามานาน แต่เพราะความเข้าใจ การถอยห่าง การวางชีวิตไว้กับความเดียวดายเอง จึงไม่มีโอกาสเปิดกายและใจให้ใครจริงๆ  ความสวยงามที่ซ่อนอยู่ สำคัญกว่าสิ่งภายนอก หลายคราวที่เรานึกคิดเพ้อฝันไปกับจินตนาการความงดงาม หลงลืมความเรียบง่ายของความสัมพันธ์ อาจไม่มีเวลาเป็นตัวถ่วงจำเพาะ แต่เราก็มีความสุขได้จากความซื่อสัตย์ต่อ sense  ที่เราต่างก็รู้ถึงที่มา ระยะทางต่อจากนี้

              ฉันตื่นขึ้นมาจากความผิดหวัง
              ฉันฝื้นขึ้นมาเห็นเธอ ในเบื้องหน้า
              ฉันหยิบหนังสือเล่มใหม่มาพร้อมกับความสดชื่น
              และเธอก็กำลังเข้ามาเติมเนื้อหาที่ขาดหายไปอีกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความเป็นจริงความฝันเราห่าง

อาจจะดูใจร้าย อาจจะเหมือนไม่แคร์..
แต่ก็คงต้องบอกให้เธอไป
อยากจะมีเหตุผลบอกเธอให้เข้าใจ
แต่เธอก็คงไม่อยากจะรับฟัง
ความเป็นจริงที่ปวดร้าว ในใจฉัน)

อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ ว่าอะไรสำคัญไปกว่า .. แค่รักกัน
อีกหน่อยซึ่งคงไม่นาน ถึงวันนั้นแล้วเธอจะเข้าใจ
ที่ฉันต้องบอกเธอให้จากกันไป ....

เจ็บในใจเธอนั้น ที่เราต้องเลิกลา
มันก็คงไม่ต่างจากใจฉัน
แต่ว่าความปวดร้าว อาจจะไม่เท่ากัน
เมื่อตัวของฉันต้องเอ่ยขึ้นมาก่อน

ยอมเป็นคนที่ใจร้าย ในวันนี้
มีเพียงคำว่ารัก คำหนึ่ง
เราคงไปไม่ถึง ไม่ถึงดวงดาวได้
ความเป็นจริงความฝันเราห่าง
ไม่เคยจะมีตรงกลาง ไม่เคยได้เข้าใจ
อยู่กันไปก็เท่านั้น

อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ ว่าอะไรสำคัญไปกว่า .. แค่รักกัน

อีกหน่อยซึ่งคงไม่นาน ถึงวันนั้นแล้วเธอจะเข้าใจ จะรู้ว่าเหตุใด

อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ ว่าอะไรสำคัญไปกว่า .. แค่รักกัน

อีกหน่อยซึ่งคงไม่นาน ถึงวันนั้นแล้วเธอจะเข้าใจ จะรู้ว่าเหตุใด ...

จะรู้และเข้าใจ .... ที่เราจากกัน ......

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เราคงจะต้องลาจบกันแค่นี้

ขอบคุณความอัดอั้น ที่ทำให้เราจบลงด้วยดี
ขอบคุณความคาดหวัง ที่ทำให้เราจบลงด้วยดี
ขอบคุณความเฉยชา ที่ทำให้เราจบลงด้วยดี
ขอบคุณความเงียบ ที่ทำให้เราจบลงด้วยดี
ขอบคุณความเหนื่อยล้า ที่ทำให้เราจบลงด้วยดี
ขอบคุณความหวังดี ที่ทำให้เราจบลงด้วยดี
ขอบคุณ

บางทีเราอาจยังเด็กเกินไป

                   ชีวิตที่ผ่านร้อนหนาว มรสุมล่วงเลยกว่ารอบของใครหลายคนในวัยที่ อะไรหลายๆสิ่งเลยผ่านการผูกมัดของสังคม ความคิดที่ตกผลึกของใครบางคนกับมุมมองของความสัมพันธ์ เหมือนกับได้อ่านหนังสือเล่มใหญ๋จากใครบางคนที่ไม่แม้แต่เคยนึกถึง วันเวลาสอนสั่งให้คนคนนึงละทิ้งสิ่งที่คงมั่น บทเรียนร้อยพันที่ฟันฝ่า นานแล้วที่ตัวเราไม่ได้ดูเล็กจ้อยแบบวันวาน แสดงถึงโลกที่ซับซ้อน มีหลายสิ่งที่เรายังเขลา ยังต้องผจญ การนิ่งสุขุม ฟังเฝ้ามองสิ่งต่างๆผ่านพ้นเข้ามาผ่านไป คงดีที่สุด ความคิดถึง การรอคอยเกิดใหม่ตายและดับเวียนวน ความคาดหวัง เอาใจใส่ ห่วงใยมาตามจิตที่ร้องเรียก เราเป็นสัตว์สังคมวันนึงคงต้องยอมรับกฏนี้ วิถีททางที่เปลี่ยนไป ดูดกลืนวิญญาณความปรารถนา บางอย่างที่แฝงเร้น

ความคิดถึงจึงถูกบำบัดได้ด้วยน้ำเสียง
ความคิดถึงจึงถูกบำบัดได้ด้วยการพบเจอสบสายตา
ความคิดถึงจึงถูกบำบัดได้ด้วยการสวมรัดโอบกอด
และ ความคิดถึงจึงถูกบำบัดได้ด้วย เราสองคน

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เป็น อยู่ คือ

               การเป็นอย่างที่เราเป็น การอยู่แบบที่เราอยู่ มันคือคำตอบของการเวลาและสิ่งที่หล่อหลอม ความเชื่อ ความศรัทธาในวิถีทางทีเลือก การย่างก้าวผ่านเส้นทางขวากหนาม อุปสรรคจากอารมณ์รอบข้าง นับวันนับเดือนนับปีของหนึ่งสมองสองความคิด ความคิดที่จะปรับเปลี่ยนวิถีทางตัวเองเพื่อสิ่งใหม่ กับความคิดที่ยอมรับสิ่งที่เคยเป็นมา ความสุขในชีวิตที่เป็นอยู่(มัน)คือ อะไร ความล้มเหลวในความสัมพันธ์ ความหย่อนยานของความรักความใส่ใจ ความกระตือรือร้น การพบเจอกับเหตุการณ์ที่ซ้ำซากวนเวียน ปมด้อย ที่ทำให้ห้วงอารมณ์ดำดิ่ง สงสาร ใจอ่อน จนถูกบางอย่างเข้าครอบงำ การอุปทาน ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้จะช่วยบำบัดบรรเทาให้สิ่งเหล้านี้ทุเลาลง จิตเราแท้ๆที่อ่อนไหว จิตเรานะหรือที่มักง่าย เราได้ยิน เรามองเห็น เรากล้าที่จะยอมรับความจริงแค่ไหน การมองในมิติที่อีกคนมืดบอด การมองทะลุกระจกเงาของตัวตน การมองถึงจิตใจผู้อื่น การมองให้เห็นแก่นแท้ของปัญหา การมองแบบไม่ผูกติดยึดถืออคติ การมองเห็นเงาของตัวเองบนผิวน้ำที่เย็นยะเยือก เวลาคงไม่มีมากพอที่จะหลอมรวมความคิดตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่สามารถตอบสนองหรือเข้าถึงในสิ่งที่เป็นเรา ไม่ตอบสนองในด้านกายภาพ จินตภาพที่ห่างไกลออกไปตามเงื่อนไขของเวลา วิถีกระสุนที่แม่นยำทั้งทิศทางและความเร็ว ไม่อาจต้านเกราะกำบังที่สร้างมาเพื่อกระสุนนัดนั้นได้ฉันใด การพบเจอเดินทางครั้งใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง การอยู่ในโลกของตัวเองมากจนเกินไปก็มีผลต่อโลกของคนอื่นๆ โลกของเธอ โลกของเรา มันยังหมุนอยู่เป็นพลวัต แต่จักรวาลนี้มันกว้างใหญ่นัก ฉันและเธอเพิ่งพบเห็นผ่านมาแค่เศษเสี้ยวเดียว คงมีเวลาอีกมากหากวาสนาเราต้องกัน ฉันจะรอเธออยู่ที่ปลายสายรุ้งอันแสนไกล ใบหน้าเธอเริ่มเลือนลาง หมอกควัน ลมพัดลมเพใบไม้ปลิว แล้วมือทั้งสองของเราก็ไม่ได้สัมผัสกันอีกตั้งแต่วันนั้น

"เป็น"ในสิ่งที่เราเป็น


"อยู่"อย่างที่เราเคยอยู่


มัน"คือ"ความสุขของเรา

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ใบไม้มันยังผลัดใบ

                   สิ่งที่เราสัมผัสภายใต้สภาวะโลกที่มีแค่มิติ ที่3 เบาบางกว้างใหญ่เกินกว่าจะหยั่งรู้ถึงจิตใจ ทฤษฎีใดๆขวางกั้นสติปัญญา เพียงเสี้ยวที่เราเข้าใจจากนับหมื่นล้านเอกภพระบบสุริยะเดียวที่เรามองยามแสงสาดส่อง นิทราหลับฝันพลันตื่นขึ้นเจอแสงจ้าคราใดนึกหวลถึงสิ่งที่ถวิลหา คงเกิดดับอีกนับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะตกผลึกความเป็นชาติพันธุ์บนดาวเคราะห์ที่เราเองไม่แม้อาจจินตนาการถึงโลกในเบื้องหน้า สิ่งใดที่ผ่านมากาลเวลาเป็นเส้นตรงที่มีจุดตัดที่คำนวณได้จากค่ำคืนแจ้งปีปฎิทินที่หมุนผ่าน ไม่รู้สึกถึงการมีชีวิต เพื่อความรักความหวังหรือความฝัน ใดๆ กิเลส ความอยากที่ครอบงำ ไม่ต่างจากเนื้อหนังหุ้มกายาน้ำเลือดหล่อเลี้ยงทั่วไป สิ้นศรัทธาต่อการปักใจเชื่อในความดีงาม ผลสนองจากวิทยาศาสตร์สู่โลกที่ไม่มีมิติจะตอบกลับ วันเวลาของความเลวทรามสูงส่ง บดบังความสวยงามอีกคำรบ สัญชาตญาณที่เราต่างเข้าใจรู้ดีถึงการเสพสุข ในสากล พลังที่ขับเคลื่อนให้อยากต่อเติมความฝันบนความเหนื่อยล้าของคืนวันคืออะไร ฉันวิ่งมุ่งหน้าไปคนเดียวเดียวดาย  ความกระตือรือร้นที่จะแสดงออกถึงความโหยหาในนิยามรักแตกต่างกัน ความเข้าใจและสุขจากการได้เผชิญหน้าต่างกัน  ความสุขของเธอ ความสุขของฉันถูกบำบัดด้วยที่มาที่ต่างกัน ความพยายามในการแสดงออกหลอกตัวเองฝืนข่มให้ใช่ยังไงก็คือคำตอบที่บอกเราอยู่ทุกวัน มันก็จะเป็นอีกหน้าหนังสือที่เราอ่านไปพร้อมๆกับทำความเข้าใจ เวลาไม่ตอบสนองความสัมพันธ์ ความอยากในการสานต่อลดลง ฉันชินชากับความรู้สึกนี้อีกครั้ง อีกแล้ว เมื่อการจากลามาถึง ลมหายใจของเราหยุดลง ร่างแหลกสลายไปสู่ดาวน้อยใหญ่ แสงจากตัวเราที่เกิดจากการเผาไหม้ หัวใจที่กลายเป็นเศษเสี้ยวแก้วคง เป็นจุลละลายไปพร้อมกับความแข็งแรงของสุญญากาศ ล่วงหล่นมายังใต้ต้นไม้ต้นใหญ่กลับมาเป็นปุ๋ยดินในโลกใบเล็กๆอีกครั้ง

ผู้ใดมีสิ่งที่รัก 100 ย่อมเป็นทุกข์ 100
ผู้ใดมีสิ่งที่รัก 10 ย่อมเป็นทุกข์ 10
ผู้ใดมีสิ่งที่รัก 1 ย่อมเป็นทุกข์ 1
ผู้ใดไม่มีสิ่งที่รัก ย่อมไม่มีทุกข์...

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทุ่งสีดำ

                   เสียงกีตาร์บาดเย็นไหลลึกจาก ธีร์ ไชยเดช คำร้อง ที่ละเมียดมะไม หลอนล้ำจินตนาการจาก พี่เล็ก Greasy cafe ผ่านการถ่ายทอดน้ำเสียงโดย อีฟ ปานเจริญ ทำให้เพลงนี้ครั้งแรกที่ได้ฟังรู้สึกถึง การคิดวนเวียน algorithm  ที่หมุนคิดอยู่กับสิ่งที่พลาดมา ในบ่อที่กักเก็บความเดียวดายทรงจำสีดำ เก็บออมความหลังที่แสนยะเยือก หมุนวันเวลาผ่านปัจจุบัน ด้วยเหตุจากรักและความทรงจำที่มากมายในวันก่อนนั้น
                   วันที่อะไรๆตอบโจทย์สนองชีวิตที่ผ่านมาถึงจุดที่บางคนต้องยอมรับสิ่งที่เป็นจริงละทิ้งทุกอย่างเพื่อรักษาชีพให้ดำรงอยู่ต่อไป  ไม่มีการขัดเกลาเล้าโลมจากบรรยากาศภายนอก ล้วนเกิดขึ้นและดับลงตามกรรม ในโลกหน้าหนาวที่ต่างออกไปฉันยังยืนเดียวดายที่เดิม ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปหมดแล้วดังคำที่เราเคยกล่าวไว้มันจริงแท้แน่นอน การเรียกร้องสิ่งใดรู้สึกเชื่อมโยงเหมือนเก่าคงเป็นเหมือนเด็กน้อยร้องขอของเล่น แต่สุดท้ายก็ต้องบอกตัวเองว่ามันได้ผ่านมาแล้ว ไม่มีโอกาสนั้นอีก ได้เห็นโลกที่เต็มไปด้วยความปรีดา วันนึงชีวิตคนเราก็ต้องถึงพร้อมด้วยการมีคู่ครอง สังคมมนุษย์ที่สมบูรณ์ด้วยมิตรสหายรายล้อมยินดีกับการเริ่มต้น แต่เหลียวมองภาพถ่ายที่ยังไร้คนข้างกายเหตุใหญ่คงไม่มีใครตอบแทนเราได้ทำไมถึงยังวนเวียนอยู่กับวัฎจักรแบบนี้ ความรักของเรามันหาไม่เห็น หรือ ไม่มีความพร้อมที่เกิดจากเรา คงอยู่ต่อไปแบบที่เราเป็น อนาคตคือปัจจุบันที่เหยียบย่ำ การพบเจอลาจากรอคอยล้วนเกิดดับซ้ำซาก
                    นัยตาสีแดงจากการมีสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้โลกสวยงามขึ้น การละเลยด้วยความเมามายบาดแผลตามร่างกาย เกิดขึ้นจากความไร้สติ ไม่อยากตื่นมาเจอสิ่งเดิมๆ เวลา ตอกย้ำให้ความคิดเดิมๆกลับมา เพราะใครเพราะเราหรือเพราะเธอ

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เมื่อลมเปลี่ยนทิศ

เผื่อใจเอาไว้ก่อน ทิศทางยัง ไม่แน่นอน
เรา นั้นต่าง แตกต่างกัน หลายสิ่ง มี หลายคน หลายอย่างเหมือนกัน ในบางหน
แต่เวลา ไม่เคยเปลี่ยน กลับยังหมุนเวียนวน อยู่อย่างนั้น

เมื่อลมที่เปลี่ยน ทิศทาง ทิศทาง ทิศทาง อาจนำมาถึงการเปลี่ยนแปลง บางสิ่ง บางอย่าง
เมื่อระยะทาง และเวลา เวลาเปลี่ยน อาจทำให้ใจ
(ของคน ของคน ของเธอ เปลี่ยนไป)(ของเธอ ของเรา ของใคร เปลี่ยนแปลง)
คน สองคน ได้ตกลงกัน ในบางสิ่ง ที่จะ ว่างเว้น ซึ่งคนแปลกหน้า ต่อกันจากนี้
แต่เวลา ไม่เคยเปลี่ยน หากยังหมุนเวียนวน อยู่อย่างนี้
เผื่อใจเอาไว้ก่อน ทิศทางลม ไม่แน่นอน

เปลี่ยนไป หวั่นไหว

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทฤษฎีสีเทา

____คนที่มีความสุข และแสนจะโชคดีที่เจอกับความรักที่สวยงามอยู่แล้ว
อยากให้ประคับประคอง ให้มันอยู่กับคุณและคนนั้นของคุณ ไปให้นาน นาน ;D
และสำหรับคนที่เป็นดังทฤษฎีที่กล่าวไปแล้ว..ขอให้อย่าท้อ...
"เกราะ" ที่สร้างขึ้นมานั้น มีได้ มีไว้ให้เรา ไม่ตกเป็นเหยื่อของอารมณ์ชั่ววูบของใครบางคน...
....แต่ก็อย่าให้มัน เป็น "เกราะ"ที่จะปิดกั้น "ตัวเอง"จาก "คนดีดี" ที่กำลังเดินมาตามทางที่ 'คนบนนั้น' กำหนด..........เพื่อให้มาพบ 'เรา' เท่านั้นพอ ;)___

         ส่วนหนึ่งจากความคิดของสาววัย 19 ที่สอนสั่งอะไรๆหลายอย่างให้แก่คนที่ตกอยู่ในบ่วงความรักความคาดหวัง ความพอดีของความสัมพันธ์  การหยุดนิ่งเนิ่นนานเกินไป การวิ่งตามจนเหนื่อยเกินไป กลับมาสู่สิ่งที่เป็นธรรมชาติ การวาง ละทิ้ง ปลดปล่อย เพียงพอกับสิ่งใหม่รอบตัว ทางแยก หลายแพร่ง ดีร้าย ล้วนกำหนดเองได้ด้วยตัวเรา
       
         ขอบคุณเธอ ที่ทำให้เกิดความรัก
         ขอบคุณความรัก ที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว
         ขอบคุณความเจ็บปวดรวดร้าว ที่ทำให้เกิดความแข็งแกร่ง
         ขอบคุณความแข็งแกร่ง ที่ทำให้เกิดความชินชา
         ขอบคุณความชินชา ที่ทำให้เกิดความเหงา
         ขอบคุณความเหงาที่ทำให้ฉันรู้จัก "เธอ"

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

13.12.11

              กอดตัวเองยังไงก็ไม่อุ่น อุณหภูมิหัวใจมีแต่หนาว
              อยู่คนเดียวมันนอนไม่ค่อยหลับ นอนลืมตาทุกคืนจนเกือบเช้า

              บางวันที่เหนื่อยไม่อยากนึกถึงวันพรุ่งนี้เพียงรอคอยให้นาฬิกาทำหน้าที่ปลุกชีวิตยามรุ่งขึ้นในภวังค์อีกครั้งตามสัญชาตญาณ วันเวลาที่หายขาดไปแลกกับสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีพไปกับการเสพสุขวัตถุและคุณค่าเทียมในชีวิต พักหลังมาอยู่นิ่งสงบการเคลื่อนไหวที่วุ่นวายในความสัมพันธ์ทับซ้อน วันที่เชียงใหม่เรียกหาในวันที่สายไปอีกครั้งทั้งชีวิตเส้นขนานบรรยากาศ การดำรงชีวิตการงานที่มาไกลเกินกลับไปจมอยู่กับสิ่งที่เป็นอดีต  บางช่วงเวลาของชีวิตที่คิดว่าจะลงหลัก ที่คิดว่าแน่นอนกลับย้อนคิดว่าทุกอย่างเป็นเพียงจังหวะการคิดที่ไม่ลึกซึ้งพอ ไม่มีการกระตุ้นจากสถานการณ์รอบข้าง อนาคตไม่เห็น คนข้างกายไม่มี เหลือเพียงความสิ้นหวังท้อถอย จนชินชากับความจริง อยากจะเหลือใครซักคนให้คิดถึง ให้มีอยู่ถึงการต่อลมหายใจในโลกความจริง


ก็ แค่อยากเป็นคนที่อยู่ในเพลงเพลงนั้นตามที่หมายความถึง แค่นั้น...

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เพราะอากาศหนาว

             เพราะอากาศหนาว ฉันจึงเหงา
             เพราะอากาศหนาว ฉันจึงเหม่อ
             เพราะอากาศหนาว ฉันจึงคิดถึง
             เพราะอากาศหนาว ฉันจึง รอคอย

             ผ่านมาจะ 30 หนาวได้พบได้เจอผู้คนมากมายที่ใช้ช่วงเวลาเหน็บหนาวแบบนี้นำพาความสัมพันธ์หลากหลายไปยังสถานที่ต่างๆทั้งบนดอยอันหนาวเหน็บ หรือ ทะเลแสนสบาย วันหยุดยาวแบบนี้หลายคนคงดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งความสุข ขอบคุณทุกคนที่ยังคงอยู่ในความทรงจำหน้าหนาวแม้เราจะไม่ได้ไปในที่แห่งนั้นด้วยกันอีกแต่ภาพฝันอันสวยงามจะยังติดตรึงเราไปในทุกครั้งทุกทีที่นึกถึง ทุกที่ที่ฉันเคยย่ำเดินกับเธอ เธอ เธอและเธอ ปล.จากนี้คงมีแต่ความทรงจำใหม่ๆ ปิดผนึกใจ (12.12.2011)

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รอยจูบ แสงจันทร์ และวันดีดี

จันทรามืดเงาลับดับแสงจ้า  ดั่งมนตราสะกดจิตคิดหันเห
รอคอยเจ้าต่อไปใจรวนเร  คืนนี้เพลาดีที่เงาจันทร์


จันทร์คล้อยเคลื่อนออกคราสวาสนา  จึงได้มาประสบพบเจอเจ้า
คืนนี้เป็นราตรีแห่งสองเรา  จุมพิตเจ้าหลับใหลในเหมันต์


เรายังคงเหมือนเพื่อนเตือนสติ  แต่ใจริอาจหาญตามประสา
ความรู้สึกซ่อนเร้นเป็นมายา  สองกายาต่างรู้ถึงคู่กัน


วันพรุ่งนี้แม้นพบเจอละเมอฝัน ไม่รู้วันเวลาพาไฉน
จะพบโศกดังเก่าเคล้าทรวงใน  แต่ดวงใจวันนี้มีแต่เธอ 




วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าของความคิดถึง

           ได้อ่านบล็อคของผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงที่มีจิตใจและความคิดอ่านที่ใสดีงาม ความเข้าใจโลกระบบทุนนิยมการแข่งขันอยู่ในขั้นที่เรียกว่าดีจนเกินวัย20ต้นๆ สะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อการงานส่งผลต่อการจัดการบริหารเวลาในการเรียนควบคู่กันไป เธอมีลักษณะเฉพาะทั่วไปเฉกเช่นหญิงสาววัยรุ่นแต่มิติทับซ้อนด้านอารมณ์การแสดงออกที่ชัดเจนขัดแย้งกับใบหน้าหวาน คม วงการนี้เพิ่งเริ่มต้นสำหรับเธอ แต่เชื่อแน่ว่าจากจุดเริ่มถึงท่ามกลางและบั้นปลายของเธอจะต้องงดงามแน่ การมองโลก สิ่งยึดเหนื่ยวครอบครัว คือกุญแจสำคัญในการกล้าเผชิญต่อสภาวะปัญหาที่รอคอยทดสอบ
         
           ว่าด้วยความคิดถึง บางทีเราพูดพร่ำเพื่อ แท้จริงไม่ได้รู้สึกคิดถึงผู้อยู่ปลายทางสารนั้นจริงๆ  การทบทวนความคิดถึงในชีวิตต่อบุคคลที่ต้องการส่งถึงก็มีส่วนสำคัญ ใครบ้างโหยหาความคิดถึงจากเรา ใครบ้างที่เราคิดถึงด้วยความถี่ในชีวิตน้อยที่สุด ถ้าวัยรุ่นแน่นอนพ่อแม่คงเป็นลำดับสุดท้ายรองจากแฟนและเพื่อน คนที่อยู่ใกล้ที่แท้เราไม่เคยใส่ใจคิดถึง  แต่คนที่อยู่ไกลที่เค้าอาจทำร้ายจิตใจเราได้ในวันนึงกลับคิดถึงคนคนนั้นได้มากมาย การคิดถึงใครซักคนไม่เพียงมีจุดเริ่มจากการรู้จักพูดคุย ปฎิสัมพันธ์ที่เราจดจำกี่ครั้งกันแน่ที่จะก่อเกิดความคิดถึง บางคนแค่ครั้งเดียวก็เก็บกลับมาคิดถึง บางคนอาจใช้เวลาเนิ่นนาน หรืออาจทั้งหมดของความสัมพันธ์ แต่บางคนทำให้เค้าจดจำประทับใจให้ตายยังไงก็ไม่มีวันเข้าไปอยู่ในโสตประสาทความคิดถึงได้ วันใดที่เราสูญเสียสิ่งที่กอดรัดยื้อยุดฉุดไว้เมื่อใด คงกลับมาคิดถึงสิ่งดีที่มีใครบางคนมอบให้ สุดท้ายก็ไม่พ้นคนในครอบครัวเรา

           วันนึงที่การถูกเติมเต็มมาถึงเราก็คงต้องยุติความสัมพันธ์ลงไปเพราะกลัวว่าวันนึงจะพาเอาความคาดหวังนั้นไปต่อไม่ได้ ไม่แปลกที่ความคิดนี้จะมาจากคนที่ครอบครัวแตกแยกอย่างเราๆ กลัวชีวิตคู่ที่ไม่สมบูรณ์ กลัวว่าวันนึงจะต้องเสียใจซ้ำซากเป็นวังวน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบก็จริงอยู่แต่ก็คาดหวังลึกๆว่า Generation จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ครอบครัวไม่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด วันนั้นคงมาถึงซักวัน ท่ามกลางกระแสสังคมที่เราต่างรู้ ว่ามันโหดร้ายเพียงใดกับคนอย่างฉันและเธอ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จันทคราส หรือ จันทร์จะคลาด

จันทคราสเต็มดวงล่วงมาถึง ยังคำนึงถึงเจ้าพิศมัย
จะได้ยลเห็นเงาเจ้าดวงใจ หรือเมฆไซร้บดบังยังคร่ำครวญ

              จันทรุปราคาครั้งนี้เป็นจันทรุปราคาครั้งที่ 23 ใน 71 ครั้ง ของชุดซารอสที่ 135 ซึ่งดำเนินอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1615 - 2877 ชุดซารอสนี้ประกอบด้วยจันทรุปราคาเงามัว 9 ครั้ง บางส่วน 10 ครั้ง เต็มดวง 23 ครั้ง บางส่วน 7 ครั้ง และเงามัว 22 ครั้ง ตามลำดับ ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่นานนับ ชม. หากแต่ขึ้นอยู่กับสภาพฟ้าที่จะมีเมฆหมอกบังตาหรือไม่ต้องลุ้นดูกันอีกครั้ง เมื่อครั้งประถมวัย สุริยะคราสเต็มดวง ทำให้ไมยราพ นกหนู สัตว์น้อยใหญ่ผิดแปลกแหวกธรรมชาติกลางวันแสกๆ ยังเป็นความทรงจำที่ดีกับใครคนนึงที่ไม่เคยเลือนหายไปจากเงาใจและเงาจันทร์ 

ทิศทาง

              มีคนเคยบอกว่า Direction สำคัญกว่า speed แต่บางทีการไร้ทิศทางก็ทำให้ speed ช้าลง มีเงื่อนไขมากมายในชีวิตทำให้หลายคนไปไม่ถึงฝั่งฝัน เวลา ผู้คนที่เวียนว่าย  จุดหมายที่ต่างที่มาที่ไป ทำไมอะไร มันไม่เป็นอย่างใจคิด สิ่งต่างๆแปรเปลี่ยนเหมือนกระแสลมหันเหให้เราต้องเลือกเผชิญในสิ่งที่บางครั้งก็ฝืนความรู้สึก แต่ชีวิตก็คือชีวิตตราบใดที่ลมหายใจและหัวใจดวงเล็กๆยังไม่ยอมหยุดพักยังซื่อสัตย์ต่อการทำหน้าที่หล่อเลี้ยงร่างกาย สมองก็ต้องคิด แก้ปัญหากันต่อไป บางทีเราก็มาอยู่ในจุดที่คุณค่าในตัวตนไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เป็น บ้างเหงา บ้างต้องการหาคนเคียงคู่แต่เมื่อ โอกาส เวลา สายน้ำและคำพูดมันไม่มีวันย้อนกลับมาอีก ก็คงต้องสดุดีต่อความจริงแห่งกาลเวลาและจักรวาลที่เวิ้งว้าง เราต่างเกิดมาเพื่อใคร วันที่ราตรี ครอบงำ จันทราใกล้จะครบรอบจักร ผืนน้ำขึ้นลงหงายคว่ำ วันที่ฉันจะบอกทุกอย่างที่อยู่ภายใน ให้ใครบางคนได้รับรู้ ถึงชีวิตที่หักเหไร้รอยต่อที่ใฝ่ฝันซะที

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พ่อ

เมื่อก่อนครั้งฉันเป็นเด็กน้อยคอยแต่คลาน
พ่อหัดตั้งไข่ ให้จนฉันเดินเป็น
เตาะแตะก้าวทีละน้อยค่อยๆเข็น
จับเกาะพ่อเดินเล่นตามประสาเยาว์วัย
พ่อถอดรองเท้าไว้ให้เห็นตรงนอกชาน
ฉันเจ้าเด็กน้อยลองใส่สวมเดินภูมิใจ
อยากจะใส่ไว้ให้เหมือนแม้จะหนักยังเดินไหว
พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาเราจะตาม

เติบใหญ่วันนี้พบชีวิตที่ผกผันจึงได้รู้ว่าการเดินมันไม่ง่ายดังใจ
วันที่ถูกทุกข์ทับถม ขมขื่นใจสักเพียงไหน
รองเท้าพ่อคู่ใหญ่ ยังสอนใจเรา
วันที่ถูกทุกข์ทับถม ขมขื่นใจสักเพียงไหน
พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาเราจะตาม


                ความทรงจำเลือนลางระหว่างช่วงเยาว์วัยเพราะหลากหลายปัญหาแต่สิ่งที่ดีๆหลายอย่างยังคงอยู่ในความทรงจำของเด็กน้อยที่พ่อสอนเตะลูกฟุตบอลตั้งแต่จำความได้ โต๊ะสนุ๊กตัวใหญ่หน้าบ้านเรา ที่พ่อสอนแทงคิวตั้งแต่หัวยังไม่ถึงผ้าสักหลาด กีตาร์ที่พ่อหัดจับคอร์ดจน ทุกอย่างเติบใหญ่ใกล้เคียงแต่เพราะบางอย่างที่ไม่ลงตัวเหตุผลของพ่อคงเป็นบทเรียนให้เราได้คิดพิจารณาถึงชีวิตคู่ที่พบพานผกผันพันผูกแล้วพลัดพราก การเดินบนรอยทางของอดีตไม่ได้เลวร้ายเสมอ ฉันเรียนรู้จากพ่อมากมายแต่สุดท้ายสิ่งที่ดีของพ่อก็ยังคงมากอยู่ในวันที่มิติครอบครัวห่างไกล แยกย้ายไปตามดาวที่โคจรไกลลับจากศูนย์กลางจักรวาลอย่างเรา  วันที่พานมาพบกับความหมายพ่อก็ยังคงทำหน้าที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาแค่เปลี่ยนถ่ายไปสู่ผู้มาใหม่ ฉันได้แต่เติบใหญ่ไปในทิศทางที่ถูกเลือก ยังคิดถึงสิ่งดีๆที่พ่อมีเสมอ 

เจตน์นที = ผู้มีเจตนาดั่งมหานที และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับพ่อ

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความเงียบงันคือคำตอบ

               ค่ำคืนที่หัวใจอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างเงียบงัน รอคอย ว่างเปล่า เธอทำให้คำถามทุกอย่างหมดลงท่ามกลางความมืดมิดของกาลเวลา ความคิดที่เผื่อใจ กว้างใหญ่ดั่งมหานที การสลดหดหู่ต่อการพยายามแทรกตัวเองเข้าไปในสถานการณ์ที่ก็รู้ว่าผลลัพธ์จะออกหน้าไหน ความหวังดีทุกอย่างพังทลาย พบแต่ร่องรอยของรัตติกาลที่เงียบสงัด เธอคงกลับไปอยู่ในวังวนที่คุ้นชิน เราเป็นแค่ทางสายเปลี่ยวที่เธอไม่กล้าแม้จะเหลียวมองและย่ำเดิน ฉันรู้ดีในเหตุการณ์ ใจที่ปลงตกเข้าใจถอยตัวขยายกว้างจนเกินที่คนคนนึงจะน้อมใจได้เท่าที่สุดที่เคยนอบน้อมในฐานะเพื่อนดี  ที่รับรู้เรื่องราวและรับฟังสิ่งต่างๆ ฉันไม่มีที่ที่ให้เสียใจและมีที่ไม่เพียงพอสำหรับการยืนเลยใช่มั้ย  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงสิ่งดีๆความดีของฉันไม่มีคุณค่า สูญเปล่า ฉันถือว่าได้เข้าใจคนคนนึงได้โดยปราศจากข้อแม้อคติ ฉันได้ทำสิ่งที่ดีในฐานนะเพื่อนที่หวังดี  ไม่มีความคาดหวังแต่มันมีเพียงความจริงหลังซากปรักหักพัง ความรู้สึกที่เก็บไว้ได้มันนานเกินไป จน มันบูดมันเสียไปซะแล้วพร้อมกับความเงียบงัน และความไม่จริง หากมีความจริงตั้งแต่แรกความรู้สึกก็จะไม่เสีย แบบที่เป็น ตรรกะอย่างง่ายที่ทำไมเราจึงต้องปลีกตัวออกมา เพราะเมื่อเวลาที่คนสองคนไม่เข้าใจ คนที่สามที่เข้าไปก็จะเจ็บในบั้นปลายเมื่อ 2คนที่มีความผูกพันกันมานานเข้าใจกัน เหมือนหมาหัวเน่าที่ไม่มีวันได้เปลี่ยนหัวเป็นสิ่งอื่น นอกจากหมาดีๆที่ไม่มีแม้ที่ให้ยืน ความรู้สึกฉันคงตายด้านอยู่ในเหตุการณ์ ความฝัน เธอรู้ดีว่าที่มามันเป็นอย่างไร ที่ไปมันจึงเป็นแบบที่เป็น ใครช่วยมาตบหน้าที่ชาชินสะบัดไปหาความสว่างซะที  เมื่อเป็นคนดีแล้วต้องถูกตอบสนอง แบบที่เป็น ฉันจะเลือกกลับไปแสนเลวให้ถึงที่สุดอีกครั้ง คงไม่ว่ากัน

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ปรัชญาเพลงป๊อบ

ถ้าเปรียบการถือร่ม เท่ากับ ห่มความทุกข์สีเทาๆ
ชีวิตคนเราส่วนใหญ่ ก็จะถือติดตัวกันไว้ คนละหนึ่งคันอยู่แล้ว

หลายๆคน จะกางร่มโดยที่ไม่รู้ตัว และถือมันอยู่อย่างนั้น
กังวลว่าฝนจะตก กลัวจะเปียก แม้ขณะนอน ก็ยังคงกางอยู่
ทั้งที่จริงๆแล้ว ลองหุบร่มลง หรือโยนมันออกไป
แล้วลองมองขึ้นไปบนฟ้าอย่างชัดๆ กลับพบว่า บางทีฝนที่เราคิดว่ามันตกหนัก
กลับเป็นเพียงแค่ละอองฝนเท่านั้น หรือจริงๆแล้ว ฝนยังไม่ได้ตกเลย
จะทุกข์ หรือไม่ทุกข์ เราเลือกที่จะมองได้
จะหนักหรือไม่หนัก เราเลือกที่จะวางได้
จะสุข หรือไม่สุข เราก็เป็นคนเลือกเองได้เช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฤดูกาลที่ผ่านมา ฝนโปรยปรายดับแสงดาว

คนชมฟ้ากลางคืนว่าสวย, ส่วนใหญ่ชมดวงดาว, และลืมความมืด.

ทะเลกับท้องฟ้าคล้ายอยู่ชิดกัน, แต่ยิ่งเข้าใกล้เส้นขอบฟ้า, ยิ่งพบว่าทั้งคู่อยู่ห่างกันไกล.

วันฝนตก, เธออธิษฐานให้ฝนหยุดตก, หรืออธิษฐานให้มีคนอยู่ข้างข้าง.

อย่าตื่นเต้นกับเช้าวันใหม่ที่สดใสเกินไปนัก, บ่อยครั้งที่ฝนตกตอนบ่าย.

ทะเลกว้างขึ้นมาก, เมื่อเดินทางไป, เพียงลำพัง.

สายฝนไม่เกี่ยวกับน้ำตา, น้ำตาไม่เกี่ยวกับสายฝน, มันเป็นแค่จินตนาการของคนเศร้า.

ยามเช้า, ฟ้าโอบกอดเราด้วยแสงแดด, ยามเย็น, ฟ้าห่มผ้าสีน้ำเงินเข้มให้เราก่อนนอน.

น้ำฝน, น้ำค้าง, น้ำตา, ไม่ช้าก็หายไป.

ทะเลที่ไม่มีชายหาด, เวิ้งว้าง, ชายหาดที่ไร้ทะเล, แห้งแล้ง.

และ อดีต, มักส่งเสียง, ยามค่ำคืน

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เหนื่อย

เราคงจะต้องลาจบกันแค่นี้ ลืมวันที่ฉันมีเธออยู่
ที่ฉันเคยจริงใจ ในวันที่เพ้ออยู่
ทั้งที่ฉันไม่เคยอยู่ในสายตา และใจของเธอ

เหนื่อยกับความรัก ที่เธอไม่มีฉัน
เธอลืมเรื่องราวของเราเพียงพ้นวัน
เหนื่อยที่จะฝืน ให้เรารักกัน
เมื่อวันนี้เธอไม่มี หัวใจให้ฉัน..เหมือนเดิม

เธอลืมความรู้สึกที่เคยให้กัน เธอลืมว่าฉันนั้นเฝ้าคอย
หนทางยังยาวไกล เลือนลางและเลื่อนลอย
แล้วฝันที่ฉันคอยมันคงไม่จริง มันคงไม่เจอ

เธออาจไม่เคยรู้สึก..เสียใคร
มันอาจจะหายจาง..จากใจ
คล้
ายว่าเธอตื่นจากฝัน



วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สิ่งที่เราไม่เข้าใจ

           สิ่งที่คิดกับสิ่งที่ทำมักสวนทางกันในเวลาที่ต้องการอะไรบางอย่าง
           สิ่งที่เคยเป็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เหมือนหนังซ้ำภาพฉายเก่าๆ
           สิ่งที่เคยผิดพลาดกลับไม่ได้ช่วยให้คนเราเลิกนึกฝันทะเยอทะยาน
           สิ่งที่เราอยากทำกลับถูกทอดทิ้งเพราะเรื่องราวที่ผูกติดเหมือนกับดัก
           สิ่งที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ แต่ต้องมาทยอยรับผลของการกระทำนั้นไปโดยปริยาย
           สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้มักจะเริ่มก่อตัวและถาโถมมาในเวลาเดียวกัน
           สิ่งที่เราไม่เข้าใจก็ยังคงเป็นคำถามต่อไปไม่ว่าจะในปัจจุบันหรืออนาคต
           สิ่งที่เคยตักเตือนไม่เห็นผลและคุณค่า ต่อเมื่อไม่เหลือสิ่งใดนอกจากทางตัน
           สิ่งที่เราเหมือนจะเข้าใจเหตุผล บ่อยครั้งกลับฉงนสงสัยในบั้นปลายของชีวิต


           สิ่งที่เราไม่เข้าใจ...

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เมื่อใดที่สายลมพัด

                 ความสงบนิ่งเพื่อยังประโยชน์แก่ผู้คนที่ปรารถนาดี การแสดงน้ำใจต่อใครก็ตามเป็นสิ่งที่ดีในช่วงเวลาที่สายลมพัดโชยมา แม้ว่าเราได้ตัดสินใจเลือกทางเดินที่ต่างกันมานานนับปี จุดหมายและสิ่งรอบตัวห่างไกลกัน บางอย่างคงหลงเหลือในความทรงจำดีๆ รู้ว่าจากนี้ต่างก็ต้องเดินแยกทางกันไป กว่าจะมาพบเจอกันใหม่คงเนิ่นนาน มิตรภาพสำคัญกว่าความสัมพันธ์ ขอบคุณที่ยังนึกถึงกัน การอยู่อย่างสงบเงียบแบบนี้คงเป็นสิ่งดีเพื่อรอคอย คำตอบหรืออะไรบางอย่างจากใครซักคนที่ต่างก็มีภาระหน้าที่ในยามยากด้วยกัน ความคิดถึงหยุดพัก และกำลังหมุนต่อไป บางทีจุดที่ความคาดหวังมันจางหายไปแบบที่เป็นอยู่ อาจดีต่อใครหลายๆคน ที่ร่วมสังฆกรรมภายใต้ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ปัญหาที่ไม่อยากรับรู้ ความวุ่นวายของอดีต ปัจจุับัน  ไม่อยากคิดต่อเติมให้อะไรๆมันบั่นทอนไปกว่าการ ยืนอยู่ในจุดที่การเคลื่อนที่ช้าแต่การหมุนเบาบาง สายตาปรับระดับต่ำลง อัตราการกระพริบตอบสนองต่อสิ่งรอบกายก็ ต่ำลงด้วยสิ่งใด มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ ความสุขรอบกาย นับจากวันที่เราไม่ได้พบกัน ดิ่งลงอย่างช้าๆ ช่วยกลับมาต่อายุไขของจิตใจที่เย็นชาให้กลับฝื้นคืนมาอีกครั้ง เราต่างรู้ว่าสิ่งใดคือความจริง และความงดงาม หากมีการทับซ้อนหรือแชร์สิ่งใดไปเราคงรู้ดี ขอได้โปรดบอก ฉันคนนี้มีอยู่ อยู่ได้ด้วยความสงบนิ่งไม่ไหวติงต่อโลก และความสัมพันธ์ใดๆ เหนื่อยเพลีย อ่อนล้า หลับตา ฝันดี

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเดินทางเพื่อพบกับ "วันใหม่"

             การเดินทางของเรือลำเดิมในกระแสน้ำอุ่นใหม่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาสายน้ำที่เชี่ยวกราด อากาศรอบกายที่เหน็บหนาว ความทรงจำมากมายที่ผ่านเข้ามาตลอดระยะเวลาการเดินทาง บัดนี้ท้ายเรือและฝีพายเหน็ดเหนื่อยกับการควบคุมทิศทางเรือ คำนวณ ครุ่นคิดกับจุดหมาย เวลา ฟ้าฝนหลงฤดูท่ามกลางน้ำที่อุ่นขึ้น ไหลโชยเื่อื่อยเหมือนลมพัดพาในหน้าใบไม้ผลิ ผู้คนมากมายต่างเร่งฝีพาย ในห้วงมหานทีที่กว้างใหญ่ การเดินทางที่แสนเดียวดายกลับช้าลง ตามร่องน้ำที่เราเองเลือกทางเดินเอง รอบข้างมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย การยินดี ปรารถนาดี การอวยพร ร้องขอ กำลังใจที่หล่นหาย การได้หยุดพัก ผูกเชือกกับกิ่งไม้ริมทาง นั่งมอง น้ำไหลไปข้างหน้า เศษใบไม้แห้งบ้างสดบ้างร่วงโรย ไหลไปตามน้ำอย่างนอบน้อมต่อทิศทางการไหล  เย็นย่ำที่กำลังผ่านแสงแดดอ่อนละมุนค่อยๆกลบสีเทาของอดีตคล้อยต่ำลงท่ามกลางผีเสื้อน้อยใหญ่ ดอมดมดอกไม้ริมสองฟากฝั่งน้ำ ราตรีกำลังคลืบคลานเข้ามา ค่อยๆเอื้อมมือผูกเปลผ้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างลำเรือ นึกถึงใครบางคนที่ทำให้เวลา และบางราตรีงดงาม ความห่างไกล ค่อยๆลบเลือนความสัมพันธ์ แต่ความรู้สึกยังอยู่ แค่ภาระและความเป็นจริง ทำให้ต้องก้าวเดินไปในภพและเวลาที่ต่างกัน วันพรุ่งนี้ การเดินทางจะเริ่มต้นใหม่ เพื่อพบกับเช้าวันใหม่ที่สดใส วันที่อดีต จะไม่กลับมาทำร้าย วันที่จะไม่ต้องรู้สึกผิดกับการไม่ตอบสนองสิ่งที่ดีงาม เพราะท้ายที่สุดเราก็ไม่อาจควบคุมการไหลของกระแสน้ำที่เปลี่ยนผันไปทุกวัน ร่องน้ำสายไหนที่ทำให้เราเดินทางต่อด้วยความสุข ปลอดภัย และได้ต่อเติมแสงแดด ค่ำคืนที่งดงามทุกวัน คงเร่งฝีพายต่อไปในทางเดินนั้น ทางเดินที่ฉันเองไม่รู้ว่าจะหมดแรงเมื่อไร แต่จะจดจำรายทางที่ยังมีความสวยงามรออยู่ มิตรภาพ ความห่วงใยที่ลอยลมมาหาในทุกๆวัน

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รัก รอ จันทร์

รัก รอ จันทร์
คำร้อง/ทำนอง  เจตน์นที  ราชเมืองมูล

          ก่อนเคยเชื่อว่ารักนั้นเปรียบดั่งแสงดวงตะวัน ร้อนแรงแผดเผาหัวใจให้ต้องทุกข์ทน
จนวันนึงที่ฤดูกาลผ่านพ้น ฉันพบคนหนึ่งคน ที่ทำให้ฉันรู้ว่า แสงจันทรามีความหมายเพียงใด
       
          รักที่เธอให้มา มันมีค่าเกินกว่าสิ่งไหนๆ ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร ที่ทำให้ฉันสัมผัส ชีวิตหลังดวงตะวันที่งดงาม
         
          อยากจะขอให้แสงจันทร์สาดส่อง เปล่งประกายให้ยาวนานในคืนที่ฉันมีเธอ วันพรุ่งนี้แม้เรานั้นไม่อาจพบเจอ แต่ฉันจะเก็บภาพเธอไว้นานเท่านาน อยู่ที่เงาจันทร์

          ทุกๆวันที่ผ่านไปแม้ต้องเจ็บปวดกับแสงตะวันสักเท่าไร ฉันจะข่มใจให้ความรักนำทางไปพบเจอแสงของเธอในราตรีที่เนิ่นนาน อีกครั้ง สัญญาต่อกันได้ไหม ไม่ว่าจะนานเพียงใด จะไม่ทิ้งกันตลอดไป...

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ที่เดิมของเรา

เพลง  ที่เดิมของเรา
คำร้อง /ทำนอง  เจตน์นที   ราชเมืองมูล
     

          ในวันที่ฟ้าครึ้มแสนเศร้า เธออาจรู้สึกเหงาอ่อนล้าสับสน โลกสีจางเหมือนไม่มีใครซักคน สิ่งเดียวที่อยากให้รู้ไว้ จำไว้ เส้นทางแสนไกลกว้างใหญ่จากวันนั้น แคบลง เพราะเราได้ถักทอความเข้าใจ ที่ตรงนั้น เธอยังจำได้ไหม

          หากวันนี้ลมฝนแรง ไร้สิ้นแสงดาวพร่างพราว ให้เธอหยุดเดินและกลับมาตรงนี้ ที่เดิมที่มีแต่คำว่าเราเข้าใจ ฉันอาจไม่ได้เป็นทั้งหมดของหัวใจ หรือเป็นเหมือนใครคนที่เธอใฝ่ฝัน แต่ในทุกๆวันเราจะมีกันบนฟ้าสีคราม

           * จะมีฉันและเธอเดินเคียงข้าง สุดปลายทางฝัน หากเหนื่อยท้อหลบกายใต้ร่มเงาของกันและกัน  เชื่อว่าซักวันสิ่งที่หวังคงงดงาม

            ไม่ได้ขอให้เธอต้องคิดถึงกัน ไม่ได้หวังให้เธอใส่ใจกันในวันที่เหน็บหนาว  ฉันอาจเหงาเดียวดายว่างเปล่า แต่ฉันก็จะกลับมายังดาวที่เรามีกัน ที่เดิมตรงนั้น ของเรา

             เพราะเราเข้าใจ เพราะทางแสนไกล เพราะเธอนั่นไง ที่ทำให้ฉันมายืนที่ตรงนี้ ที่ที่เรามีกัน

         

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เพลงของเรา

         นักแต่งเพลงรุ่นเล็กรุ่นใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า ทุกคนสามารถประพันธ์บทเพลงของตนเองได้อย่างง่ายดายตามความรู้สึกและเหตุการณ์รอบกายที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปทุกวัน หากฝึกฝนจนเกิดทักษะก็สามารถแต่งเพลงให้แก่ผู้คนสิ่งรอบข้างได้ แต่ข้อจำกัดของอารมณ์ทำให้หลายต่อหลายคนไม่อาจเขียนเพลงตามใบสั่งได้ในเวลาที่จำกัด ต้องก่อเกิดความอยากที่จะเขียนหรือ รอช่วงเวลาที่ส่งผ่านข้อความจากเบื้องบน เหมือนท่อกลวงที่รอรับสารเพื่อถ่ายทอดออกมาจากผ่านปลายปากกา สู่กระดาษขาวว่างเปล่า
         แท้จริงแล้วผมเคยแต่งเพลงเก็บไว้เมื่อหลายปีก่อนสมัยยังเรียน ป.ตรี แต่คุณค่าและการนึกถึงตรึกตรองสิ่งรอบตัวมันเบาบางซะจนไม่อาจเทียบเคียงเพลงรักที่กลาดเกลื่อนในกระแส แต่ได้มารับรู้เปลี่ยนผ่านเรื่องราวบางอย่างก็อยากที่จะกลับมาจับปากกา แต่งเพลงรัก และเพลงของวันวาน ความหลัง ความหวังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แรงบันดาลใจทั่วไปที่หาได้ไม่ยากเย็นนักตามตรอกซอกซอย คนข้างกาย แม้ไม่ได้มีความรักอยู่จริงในเบื้องต้น วัตถุดิบที่มีตอนนี้คง ถ่ายทอดออกมาในมุม เหงา เข้าใจโลก และการเดินทางของ ชีวิต ความรัก กระแสสังคมที่รายล้อม ฉันมีแรงบันดาลใจอีกครั้ง เพราะเธอ และเพลงของเรา "เยาวธิดา"


         

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

100 ความเข้าใจ

เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ

สิ่งที่ทำให้เธอไหวหวั่น


รู้ก่อนมีฉันนั้นเธอมีใคร และเขาสำคัญเท่าไร ก่อนที่เขาจากไปทิ้งเธอ
ฉันก็คือคนที่มีแค่ใจ ที่รับเธอได้เสมอ
ทั้งรู้ว่าเธอไม่เคยลืม

ตลอดเวลาเหมือนเธอรออะไรบางอย่าง
แต่ก็ยอม เพราะหวังสักวัน ชนะหัวใจของเธอ

แล้วสิ่งที่ฉันนั้นเคยหวาดกลัว
ไม่ขอให้มันเป็นจริง สิ่งที่ทำให้เธอไหวหวั่น
เขากลับเข้ามา ให้เธอเห็นใจ
และขอให้เธออภัย แล้วฉันต้องทำอย่างไร

เธอบอกกับฉัน ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไร
แต่อยู่กับฉัน แค่เพียงกายแต่ไร้หัวใจ

เพราะว่าเธอและเขา
ถ่านไฟเก่ายังร้อน รอวันรื้อฟื้น
แล้วคนมาทีหลังต้องทนต้องฝืน อย่างฉันคนนี้
เธอต้องบอกวิธี ให้ทำใจ

ตลอดเวลาเหมือนเธอรออะไร บางอย่าง
แต่ที่ยอม เพราะฉันก็อยากชนะใจ
เธอบอกกับฉัน ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไร
แต่อยู่กับฉัน แค่เพียงกายแต่ไร้หัวใจ


เมื่อถ่านไฟเก่าของเธอ ยังมีไฟ
อย่าได้ปล่อยฉันตาย ในกองไฟ

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำสำคัญ

             ช่วงเวลาในชีวิตเราอาจจะมีช่วงที่ดีและร้าย อาจมีคนมากมายที่ร่วมสุข แต่ในตอนที่เราทุกข์ใจมองหันไปไม่เคยเจอใคร มีเพียงสองเราเท่านี้...
             แต่จะมีซักกี่คนเข้าใจ ว่าความรักนั้นไม่ต้องการอะไรมากกว่าใจกับใจที่ให้กัน บางทีคนเราเหมือนจะลืมมันไป ว่าอะไรที่มีความหมายและสำคัญ
             
             แ่ค่แววตาเธอกังวลเศร้าหมองก็ทำให้หลายชีวิตต้องมีผล ในดีมีแย่ในแย่มีดี หากใจเราผ่านพ้นจุดที่แย่มาได้เรื่องราวต่างๆก็จะกลับมาอยู่ในมุมมองที่ดี เบาบางลง อยากให้รู้ว่าเป็นห่วงมาก แต่ก็ทำได้แค่นี้ รับฟังอยู่ห่างๆ อาจมีสิ่งที่ตัวเราเองไม่อาจรู้ ถึงความจริงบางอย่าง แค่มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่คงไม่สำคัญกว่าสิ่งที่ส่งตรงถึงเธอ
             มีหนทางที่บางคนรอคอยอีกหลายเส้นทาง แต่ชีวิตต้องเดินต่อ ต้องมองไปข้างหน้า มีคนเปรียบเปรยว่า ชีวิตเหมือนการขับรถ อาจมีกระจกมองหลังและกระจกข้างให้ชำเลืองมอง แต่สุดท้ายส่วนใหญ่เราก็ต้องมองไปข้างหน้ามากกว่า นี่คงเป็นช่วงเวลาที่การตัดสินใจระหว่างลังเลเกิดขึ้นอีกครั้ง เส้นทางสายเก่าที่คุ้นเคย เส้นทางมิตรภาพที่รอคอย คงได้แค่แวะเวียนผ่านทางไม่อาจทำให้เราเดินไปสู่สันพรุ่งนี้ได้อย่างที่เป็นมา เงยหน้ามองฟ้าแล้วสะกดแต่คำว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ท่ามกลางดวงดาว และเธอจันทร์ผู้ให้ความสว่างในบางเวลาที่แรมรอน

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ไม่สำคัญ

            ความเข้าใจต่อเรื่องราวต่างๆไม่สำคัญต่อการสนองตอบเหตุการณ์ เท่าการใช้ชีวิตให้อยู่ได้เหมือนคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว การเก็บคิด ความละเอียดอ่อน หยาบกร้านก็ต่างกันในโลกของอารมณ์ความเป็นจริง ภูมิคุ้มกันวัคซีนใดๆไม่อาจเพียงพอ ต่อพิกัดโดสที่ร่างกายและจิตใจที่ไม่ปกตินั้นต้องการอย่างแท้จริง ผู้คนที่คิดวกวนอยู่กับห้วงเวลาของการกอดรัด เหนื่อยรั้งดึงกับ ความอาลัยคาดหวังต่อสิ่งที่เคยเป็นของๆเรา ตัวตน คนเคียงข้างกายที่เคยพะเน้าเล้าโลม รู้สึกสูญเสียเมื่อไม่มีใครข้างเคียงทั้งความรู้สึกและกายหยาบ ไม่มีสิ่งใดทำร้ายบั่นทอนได้เท่ากับตัวของเราจิตของเราที่หมกหมุ่นต่อสิ่งครุ่นคิดเบื้องหน้า เพียงหลับตาให้ความเงียบชะล้างความมัวหมอง เช้าตื่นก็อาจเป็นเพียงเรื่องที่พ้นผ่านเล็กน้อยเบาบางลง แต่หากไม่ยอมปล่อยมือออกจากความหนักก็จะยิ่งผูกติดสะสม แม้กระทั่งคนผ่านโลกเข้าใจดีต่อสิ่งท้าทายก็ยังพลาดพลั้งในบางคราว

            จงปล่อยผ่านเหมือนสายลมเหมันต์ ที่เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนผ่านความปวดร้าวก็จะคลี่คลายหายไป จงมีและเชื่อใน ความรักที่จะการเผชิญต่อปัญหา ตราบใดที่ลมหายใจยังรวยรินก็ต้องดิ้นต่อไปเพื่อไขว่คว้าหาความสุขจอมปลอมที่มาจากดีมานด์ปลอมๆ ต่อไป

             ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับก้อนหินก้อนนั้น
             ไม่มีความคิดของใครรังแกเธอได้เท่าความคิดของเธอเอง

รักลอยลม

 อยากฝากความรักนี้ไปกับฝน
บอกให้รู้ถึงใครสักคน
แต่ฝนนั้นทำให้ใจฉันเศร้า
และฉันเหงาเหลือเกิน

หากมีใครรู้ช่วยบอก
ฉันท์ใดเหตุใดรักจึงอยู่แสนไกล
และวันนี้ทำไมฉันยังไร้คู่และไม่รู้ทางไป
เมื่อไหร่นะ จะได้เจอเขา ที่เราตามหา เมื่อไหร่น้า
ฉันอยากจะวอนลมช่วยพาหัวใจฉันไปได้มั๊ย
ช่วยส่งไปเจอคนที่รอที่ปลายฟ้านั้นได้มั๊ย
แต่ลมจะพาหัวใจฉันไปถูกมั๊ย
ฉันได้แต่รอให้สายลม
ลมจะพาพัดหัวใจของเราให้ลอยไป
ไปสู่อีกใจ

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กระดาษ เวลา ปากกา พู่กัน

           ถ้าหากเวลา เป็นเหมือนดังพู่กัน และใจของคนเหมือนดังกระดาษที่เป็นสีขาว
 กระดาษของฉันคงมีแต่ความว่างเปล่า และคงไม่มีเรื่องราวมาแต่งมาเติมเท่าไร
 จนเธอเข้ามา เข้ามาเติมแต่งใจ เข้ามาฝากเอาไว้แต่สิ่งดีๆเรื่อยมา ...

 เพลงนี้เป็นของเธอผู้เดียวนะ ความข้องเกี่ยวนิดเดียวที่ฉันมี...

 พระจันทร์ก็ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่เคยหายไปไหน เหมือนกับบางคนแม้จะไม่ได้พบเจอ
 แต่เค้าก็ยังอยู่ในใจเราเสมอ

คนเราอาจมีหลากหลายแตกต่างกันไป ฉันอาจสื่อสารได้ไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วต้องการพูดอะไร

สายลมบางครั้งก็พัดพาความเหน็บหนาว แต่บางคราวก็พัดพาความอบอุ่นมาสู่กลางใจเราได้อีกครั้ง

     

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มันคงเป็นความรัก

           อารมณ์สีเทากับวันเบาๆหลังจากผ่านค่ำคืนที่เงียบงัน จากอิทธิพลของอารมณ์และความรู้สึกมนุษย์ที่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการวนเวียนอยู่ในโลก สังคมและความคาดหวัง ความพอดีของใจเที่ยงความหลากหลายของกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันในภาระหน้าที่บทบาทที่ต่างกันแต่ภายใต้ร่มหลังคาอันเดียวกัน ล้วนก่อเกิดปัญหากระทั่งกระทบต่อจิตใจ ความรู้สึก การพูด เปิดใจเป็นสิ่งสำคัญต่อการอยู่ร่วมกัน การทำงาน ดำรงชีพคู่ขนานไปกับการประคับประคอง ส่วนประกอบของชีวิตให้ดำิเนินไปพร้อมๆกัน
           เรื่องราวความรักที่เรื่อยเปื่อย กลางๆไม่เอนเอียง ความรักที่ไม่มีความมั่นคง มีแต่ความจริงที่ต่อเติมให้ทุกวันดูมีคุณค่าไม่ขาดหาย หากวันใดที่ต่างคนต่างเหนื่อยต่อสัมพันธภาพก็อาจแปรเปลี่ยนไปตามเส้นทางที่โดนลิขิตไว้ ให้ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อรองรับคนหน้าใหม่ที่มีความเข้าใจมากกว่าเข้ามาแทนที่ ฉันอยู่บนเ้ส้นทางที่ไม่เอนเอียงต่อสิ่งใดอีก อาจเป็นแค่หัวใจ อารมณ์ความรู้สึก หากมีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาอาจจิตใจสั่นไหว แม้กระทั่งคนในวันเก่าที่ยัง วนเวียน บางครั้งการหลุดพ้นจากวิถีทางแห่งรักที่ผ่านมาอาจเป็นสิ่งที่รอคอยการค้นพบสำหรับเรา ตอนนี้อาจมีบางคนที่กำลังแอบหวังแอบรักผู้ใดเข้าให้ด้วยใจที่เป็นสุขอยู่ไม่ไกลจากคนคนนั้นเพียงแค่เห็นรอยยิ้มการเคลื่อนไหว จากความจริงและโลกเสมือนหน้าจอก็เพียงพอต่อความสุขเล็กน้อย  อาจมีคนที่กำลังจะทบทวนอะไรบางอย่างเพื่อกลับไปในเส้นทางเดิมที่เคยย่ำเดินด้วยกันในบรรยากาศเก่าๆที่คุ้นเคย  หรืออาจมีบางคนที่ยังคงหวังใจให้คนคนนั้นก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยบททดสอบอะไรบางอย่างที่เชื่อว่านั่นเป็นประตูเชื่อมไปสู่ความลงตัวของแนวคิดเส้นขนานที่มาบรรจบกันในค่ำคืนหนึ่งซักวัน เหล่านี้ล้วนก่อเกิดจากความรักที่งดงามในเบื้องต้นและห่อเหี่ยวในท่ามกลางดับสลายในบั้นปลาย ฉันบินมาไกลเพื่อสะกดรอยรักที่พลัดหลง หรือเพื่อตามหาบอนไซแห่งรักที่ยังคงแคระแกนยับยั้งการเติบโตของตัวเองเพื่อรอคอยอะไรบางอย่าง  


ฤดูกาลอบอุ่นแล้วกลับมาได้ไหม...ความรักของฉัน

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

นั่งมองดูฟ้าคิดถึงเธอ

คิดถึงวันเก่า สองเราเปียกปอน ท่ามกลางสายฝนโปรยอ่อน และเธอกับฉันสัมผัสกัน
ช่วงเวลาที่เหมือนเคยอยู่ในฝัน จ้องมองดูสายฝนพรำ เหลืออยู่กับวันที่สายไป นั่งมองดูฟ้าคิดถึงเธอ

เธออาจเหน็บหนาวทุกคราวที่เจอะคลื่่นลม ก็ห่มใจฉันด้วยความอบอุ่นของเธอ
อาจมองไม่เห็นเส้นของขอบฟ้าไกล ยังมีแสงดวงดาวจะคอยนำทางให่เราก้าวไป
เธอแน่ใจ ฉันแน่ใจ

อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา ต้า Paradox
****************************************************************
ไม่ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน แค่หลับแต่วันให้ถึงคืนใหม่ เพื่อค่ำลงจะได้มุ่งตรงออกไป
ไปทำลายเวลาที่มีค่าของชีวิต ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ไม่คิดอะไร
เจ็บยังไม่พอใช่หรือเปล่า ยังแย่ไม่มากพออีกหรือชีวิตเรา ต้องหนักซักเท่าไรเธอถึงจะลืม
ความเศร้า ทำร้ายตัวเองจะช่วยให้ลืมได้จริงรึเปล่า ฉันถามจริงๆ

แต่ว่ามีบางคำที่เธอลืมไป ทำให้ภายในใจฉันมีปัญหา ก็ไม่แน่ใจ บอกฉันซักทีเธอบอกมา
รอฟังคำนั้นอยู่รู้รึเปล่า...หากเพียงได้ยินคงบินได้ถึงดวงดาว

มันคงเป็นความรักที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้

อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข (แสตมป์)
*****************************************************************

เธอลองย้อนมอง หยุดเดิน พักใจไว้ก่อน แดดไม่ร้อนหมอกจางไปแล้วเธอค่อยเริ่มใหม่อีกครั้ง
วันนี้แค่เธอเหนื่อยกับรักที่สับสนไร้เรี่ยวแรงพลัง ฉันขอเป็นคนนั้นช่วยแบ่งเบามันได้ไหม

จะลองไขว่คว้าหาคำตอบจากเธออีกสักครั้ง แม้จะดูเลือนลางอ้างว้าง แต่ใจบางๆดวงนี้ก็มีสุข
แค่ให้เธอเข้าใจไม่ต้องกังวลว่าฉันจะทุกข์ เพราะท้ายที่สุดเราอาจแค่ผ่านมาพบเจอในวันเหงาเท่านั้นเอง

แค่สองเราชิดใกล้ โลกนี้ไม่ต้องการสิ่งใด ฉันเชื่อในสิ่งสำคัญของใจ มากกว่าสิ่งไหนที่บั่นทอนคุณค่า
เวลาหรือนาทีไม่สำคัญจากวันนั้นที่เราได้พบกัน จะเก็บช่วงเวลานี้ให้ยาวนานข้างความทรงจำของฉันและเธอตลอดไป เธอเชื่อเหมือนฉันรึเปล่า

เจตน์นที ราชเมืองมูล (หยก)
*****************************************************************

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ฉันรอเธออยู่ตรงนี้ อยู่ที่ปลายรุ้ง

เธออยู่แห่งไหน เธอได้ยินไหม ฟ้าสีครามที่สองเรานั่งมองในวันที่สุขใจ 
วันที่เหน็บหนาวเปลี่ยนเป็นสดใส แต่เธออยู่ไหน เธอจะบินกลับมาไหม


 เธอได้สอนให้ฉันได้กอด กอดจนหัวใจที่ว่างเปล่า เต็มไปด้วยความรัก มันมีค่ากว่าสิ่งใด
 แต่ลมหนาวพัดมาเร็วไป วันที่ฉันได้ทำพลาด กอดเธอไม่แน่นพอ เธอบินหายไป


หา หา เธออยู่ไหนแหงนมองดูท้องฟ้ากว้าง วันที่ฟ้าสีครามเปลี่ยนเป็นฤดูกาล 
อบอุ่นรอให้เธอบินกลับมา  และนับต่อจากนี้จะมีแต่น้ำแห่งความสุขที่ไหลรินออกมาด้วยไออุ่น


จากเราสองคนด้วยรัก


              ช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาลที่แสนธรรมดา กับอีกหนึ่งวันที่ไม่สามารถควบคุมสิ่งใดรอบตัวได้ดีเหมือนเคย ตะวันจ้าจรดค่ำคืนดาวจันทร์เต็มดวง ยังคงวนเวียนรอคอยดังเก่า หากความรู้สึกเหงาเกาะกุมอีกครั้งเมื่อไร เป็นสัญญาณที่ไม่สู้ดีนัก พรุ่งนี้ฉันยังคงเดินต่อไปกับความสุขในทางสายใหม่ที่ไม่ได้โรยด้วยกลิ่นไม้หอมดอมดมสิ่งคุ้นเคย หากแต่รูปแบบการใช้ชีวิตที่พ้นผ่านได้สอนสั่งความยะเยือกในใจได้ดีตอนนี้ การไม่มี ความว่างเปล่า อาจดีกว่าในบางเวลา แต่ฉันเองผู้โหยหาซอกหลืบแห่งรักให้พักพิงคงอดรนทนไม่ได้ที่จะกลับไปอยู่เพียงลำพังเอกา ฉันอยู่ในที่ที่สงบแห่งหนึ่งที่จิตใจได้พักผ่อนเอนกาย นั่งตรึกตรองจิตของตนเองทุกวัน มีเวลาได้อ่านความคิดของผู้คนในสังคมรอบกายใหญ่น้อย มีความสุขกับหนังสือบางๆ คอลัมภ์โปรดประจำวัน ดูฟุตบอลทีมรักเตะบ่อยครั้ง แม้ว่าอนาคตจะเลือนลางไม่เห็นแม้แสงสว่าง แต่ความสุขสุดท้ายที่มีตอนนี้คือ การได้มี การได้ต่อเติม อยู่ในเส้นทางแห่งรักและเข้าใจ กับเธอที่แสนดี แต่ไม่ช้าวันนึงเธออาจต้องโบยบินจากไป ในวันที่ฤดูกาลเปลี่ยนผ่านอีกครั้งเพื่อพบเจอไออุ่นที่เป็นจริงกว่าลมฝันวันที่ลางเลือน กับชายที่ผุพังทั้งในฝันและความจริง

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พักตรงนี้ดีกว่า

            เพราะทางนั้นไกลอยู่ และไม่รู้ต้องเดินอีกไกลเท่าไร มีเรื่องราวมากมาย ที่ยังคอยให้เราเข้าไปพบเจอ ที่ตรงนี้นั้นมีต้นไม้ มีร่มเงาให้นอนสบายพักผ่อน ลมไม่แรงแสงแดดไม่ร้อน มีฟ้าเอาไว้ห่มนอนและรักแท้จริงใจ พักตรงนี้ดีกว่าเหนื่อยมานานกับความสับสนวุ่นวาย นอนเถอะนอนให้สบาย ตื่นขึ้นมาแล้วเดินต่อไปตามทาง ตื่นขึ้นมาแล้วแรงกลับคืน ยืนแล้วเดินต่อไปตามทาง
            เวลาที่หลายชีวิตต้องการกำลังใจต่อเติมพลังชีพที่อ่อนล้าท่ามกลางภัยพิบัติ ท่ามกลางจิตใจที่เสียสูญ ได้ผ่อนพักกับสิ่งที่หนักๆ ทั้งภาระงานการเอาชีวิตรอด การช่วยเหลือ ความสับสนที่ก่อขึ้นเอง การอยู่กับปัจจุบันคือสิ่งที่สำคัญ การพะวงถึงวันข้างหน้ามากเกินไปอาจทำให้เหนื่อยล้าอมทุกข์กว่าวันนี้ บางทีเราอาจไม่รู้ว่าหนทางที่เราเหยียบย่ำมั่นใจในทุกย่างก้าวจะมั่นคงแข็งแรงทนต่อแรงเสียดทานของสรรพสิ่งได้มากน้อยเพียงใด ไม่มีใครรู้ เราจึงควรใช้สติกำกับในทุกก้าวเดิน อาจโซซัดโซเซไปตามแรงลมพายุ เปียกปอนเพราะสายฝน ลมหนาว แต่มันคือบททดสอบจากธรรมชาติ ถามตัวเองว่าวันนี้เราทำดีกับสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเราดีพอรึยัง บางผู้สวมหมวกหลายใบหลายบทบาท แขนไร้เรี่ยวแรงเพราะแบกสิ่งของมากมายในชีวิต แบกใจที่ทะลักออกมานอกตัวล่องลอยไปอยู่กับคนอื่น ผูกติดอยู่กับคนอื่น อาจเป็นทุกข์หนัก หากไม่ปล่อยวาง วันนี้ฉันทำหน้าที่ไม่ดีพอในหลายๆบทบาทที่ฟ้าประทานให้  การเป็นลูกที่ดี การเป็นคนทำงานที่ดีให้แก่องค์กร การเป็นคนรักที่ดีให้แก่ใครซักคน ยังคงรอคอยคำตอบจากทุกๆวันที่ผ่าน วันที่เหนื่อยได้พัก วันที่รักจะได้ไม่เหนื่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ฉันรักในสิ่งที่เรากำลังดำเนินไป ฉันรักในสิ่งเงียบงัน ฉันรักในความพอดี ฉันรักและรอคอยเธอผู้ซึ่งหลับใหลในภวังค์แห่งรัตติกาลที่เยือกเย็นเต็มไปด้วยม่านหมอกแห่งความกลัว ฉันรักเธอ

ความคิด

             เราอยู่ในยุคที่น้ำท่วมใหญ่วัยกลางคน ผู้คนจะพูดถึงเรื่องราว อารมณ์ความสูญเสีย ความรู้สึกต่างๆในทศวรรษนับจากนี้ สภากาแฟ ร้านเหล้า แวดวงสังสรรค์ในอีก10ปี คงมีเรื่องราวหัวข้อน้ำท่วมใหญ่ในกรุงให้คุยสนุกปากส่วนคนที่ไม่ท่วมไม่เดือดร้อน อาจต้องเหงาปากนั่งเงี่ยหูฟังไร้ตัวตนในวงสนทนา 
             ซากสิ่งปฎิกูลทั้งหลาย ขยะหลายล้านตัน การรื้อสร้างซ่อมแซมสิ่งผุพังหักกร่อนจากน้ำแช่นานแช่ขังหมักหมม อาจใช้เวลาเพียงไม่นานผ่านการช่วยเหลือของทุกคนไม่นานจะกลับมาสวยงามดังเดิมหรือดีกว่าเก่า แต่ิสิ่งที่จะงดงามและไม่สูญหายไปไหนคือน้ำใจและการช่วยเหลือ มันสามารถบอกเล่าเหตุการณ์ได้อย่างสนิทใจไม่ว่าจะอีกกี่เดือนปี ความทรงจำของมนุษย์ในยามยากเป็นsuper hard disk ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด เฉกเช่นเดียวกับความทรงจำของเด็กหนุ่มหญิงสาวที่ติดกับดักของความรัก ความขมขื่นจากมิติสังคมความแตกแยก ครอบครัว การจากลา ล้มหายตายจากของบุคคลที่รัก  ส่งผลให้เกิดบทสนทนาเรื่องราวที่อยู่ในจิตใต้สำนึก เราคงมีร่องรอยบางอย่างที่เฉียดกันในวัยเด็กขนานกับเส้นชีวิตปัจจุบันตามช่วงเวลา 
              เคยนึกสงสัยใครซักกี่คนที่จะมีความเกี่ยวพันในชีวิตวัยเด็กสืบค้นต่อเนื่องถึงปัจจุบันได้อย่างประติดประต่อ คงมีแต่เธอ หรือเธอ หรือใคร แต่ฉันมั่นใจว่าอยากอยู่เคียงข้างกันไป ในยามนี้ที่ชีวิตเลือกสิ่งใดได้ยากเต็มที ทุกวัน ทุกความคิดที่ก้าวเดินไป จะสวยงามและมีความหมายตราบที่ความเข้าใจของเรายังอยู่ ชีวาราตรีอาจไม่คล้อยเคลื่อนในเดือนดาว บางค่ำคืนอาจขาดหายในความมืดมิด ค่ำคืนที่มีความหมายของใครหลายต่อหลายคนอาจไม่มีเงาของเราทอดแสงจันทร์แต่ฉันก็ยังคงอยู่ที่เดิม ถักทอเส้นใยแห่งรักของเราให้หนาแน่นอบอุ่นในทุกๆวัน ฉันสัญญา กับเธอผู้เดียว

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วันที่แสนธรรมดาแต่มีความหมาย

            วันที่เหมือนไม่มีความหมายอะไรนอกจากวันที่มีครบ24ชม.เหมือนทุกๆวัน แต่ย้อนเวลากลับไป3เดือนที่ผ่านมา ยังจำความรู้สึกถึงการได้พบกันในจอภาพสี่เหลี่ยมโดยบังเอิญแฝงความตั้งใจ ดีใจที่เราได้พบกันในช่วงเวลานาฬิกาชีวิตที่แทบจะหยุดเดิน ความเข้าใจก่อตัวขึ้นเรื่อยๆท่ามกลางอุปสรรคความต่าง ปัญหา แนวคิด สภาพสังคม การรับรู้ พื้นฐานจิตใจ อดีตที่เลวร้าย ดีงาม ผสมกับความอ้างว้างก่อกวนอารมณ์ ทำให้เป็นมารผจญความคาดหวังต่างๆ ฉันไม่รู้จากนี้ไปมันจะเป็นยังไง จะจบหรือจากในรูปแบบไหน จะมีสิ่งทดสอบอะไรอีกมากมาย จากภายนอกและภายในจิตใจของเราเอง แต่มันไม่มีอะไรสำคัญกระทบกระเทือนความมั่นคงที่มีให้ในความรู้สึก อาจมีบางครั้งบางอย่างเช่นวันนี้ ปริศนาที่ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยบอกกัน ฉันเชื่อถ้าเรามีกันจริงๆแคร์กันจริงๆ มันจะพรั่งพรูออกมาจากข้างใน โดยไม่ต้องบีบบังคับ หรือยัดเยียดความรู้สึกให้กันอีก 
            อดีตผู้คนของเราที่ผ่านมาอาจมีช่วงเวลาที่แตกต่างกัน มันเป็นสัจธรรมของความสัมพันธ์บนโลกนี้ หากวางใจที่จะอยู่คู่กันแล้ว ไม่อาจมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงได้แม้จะต้องเจ็บปวด จากคมหอกดาบทางใจทั้งจากตัวเองและมโนจิตที่ก่อขึ้นจากเหตุการณ์เบื้องหน้า ฉันพร้อมเผชิญกับเธอนับจากนี้
           
            ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอจริงๆ 

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

momentum คือสิ่งสำคัญ

             ปฎิกิริยากับจิตวิทยาเบื้องลึกของจิตใจ มีสิ่งที่ตกกระทบได้ชัดเจนที่สุดคืออารมณ์และความรู้สึกหากมนุษย์ฝึกฝนและควบคุมมันได้มากพออาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตภายใต้สถานการณ์ที่กดดันและเสี่ยงเป้นเสี่ยงตายได้ทุกขณะ โมเมนตัมที่เอนเอียงของปริมาณระดับของจิตใจเป็นสิ่งที่ถูกฝีกกระทำจากเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา นักจิตวิทยาได้พูดถึงทฤษฎีความสับสนที่อธิบายถึง ภาวะไม่แน่นอนของอารมณ์ ความแปรปรวนที่แสดงออกมาอยู่ภายใต้สภาวะที่ยากต่อการยืนยันถึงผลที่จะเกิดขึ้นในสิ่งที่ผู้ป่วยคาดหวัง สอดคล้องกับทฤษฎีการปฎิเสธที่ จิตใจต่อต้านไม่ยอมต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า สิ่งที่เป็นจริงเกิดขึ้นภายในจิตขณะพัก ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือกำจัดออกได้ในเวลาที่จำกัด ทำให้ไม่อยากอยู่กับความเป็นจริง อยากอยู่ในภาวะความฝันครึ่งหลับครึ่งตื่น 
             อารมณ์และความรู้สึกแบบนี้นอกเหนือเรื่องราวปัญหาในสังคมสมัยใหม่ ยังคงเป็นเรื่องราวคลาสสิคที่ทำให้เกิดภาวะจิตใจข้างต้น นั่นคือเรื่องราวที่ประโลมโลกนี้มานานแสนนาน ความรักความผิดหวังภาวะอารมณ์ที่มีในทุกอิริยาบถของรัก การผ่านพบพานเจอะเจอกับสถานการณ์ความรักในรูปแบบต่างๆจากอดีตถึงปัจจุบัน ไม่ได้สร้างความแข็งแรงและความเข้าใจในความรักในความจริงได้เท่าใดนักหากวันที่จิตใจเอนเอียงต่อความรักแท้จริง ไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกที่เกิดเมื่อไรนั่นคือความทุกข์ที่มาทดสอบใจอาจมากน้อยต่างกันตามระดับการรับรู้และสิ่งดีๆที่ก่ิอเกิด วันนี้ฉันและเธอต่างประสบพบเจอกัน พบเจอกับความท้าทายในการผสานสิ่งที่อยู่ภายในให้อยู่ในจุดที่ถ่วงจำเพาะมีความเข้าใจเป็นศูนย์กลางแกนหมุนที่ทำให้เราทั้งสองถูกเหวี่ยงออกด้วยแรง G แรงหนีจากศูนย์กลางนั่นคือระดับอารมณ์ความรู้สึก โมเมนตัมมันอาจสลับสับเปลี่ยนกันตามสถานการณ์ จิตที่กำลังตกดั่งถูกแรงหนีศูนย์กลางเล่นงานไม่ต่างกับทอร์นาโดงวงช้าง ตราบใดที่ยังมีความเกี่ยวพันกันด้วยความสุขก็ยากต่อการกำจัดสนิมในแกนหมุนที่สร้างจากเหล็กกล้า ความรักที่กำลังดำเนินไปอาจไม่มีนิยามที่ชัดเจน แต่ทุกครั้งที่ฉันอยู่ในวงจรหมุนรอบตัวเธอฉันมีความสุขด้วยความเข้าใจที่พิเศษ เราต่างเอาชนะกฏของกาลเวลา และกฏต่างๆมากมายเพื่อที่จะมาพบและอยู่ในเส้นทาง อยากให้เธอที่บอบบางในความรู้สึกได้เข้าใจและกลับมามีพลังต่อสู้กับความรักและความจริงอีกครั้ง ฉันเชื่อในสิ่งที่เป็นเรา และความเกี่ยวเนื่องในความรู้สึกของเรา เธอสุขฉันสุขยิ่งกว่า เธอทุกข์ฉันแทบขาดใจ

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

The Idol คนบันดาล(หัว)ใจ

               มองดูสภาพตัวและหัวใจที่ถูกคุมขังด้วยกรอบในสังคมเบื้องหน้า พบว่าระดับความเข้าใจต่อสรรพสิ่งยังคงดำเนินต่อไป การก้าวล้ำต่อเส้นแบ่งความคิดไม่ได้แสดงออกมาทางกาย สายตา สีหน้า แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่ภายใน น้อยคนที่จะรับรู้ความลึกซึ้ง ของกระบวนการ เรื่องราว และความกว้างของใจในการต่อเติม รับฟัง โอนอ่อนต่อเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา  ย้อนมองต้นทุนความสำเร็จในวันพรุ่งนี้คงไม่มีสิ่งใดหล่อหลอมได้ดีเท่ากับเรื่องราวที่พ้นผ่านและการยืนด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรกเริ่มทางความคิด 
               มีความในใจมากมายที่ไม่ได้บอกกล่าวหากทรายด้านบนของหลอดแก้วใสเหลือเพียงน้อยนิดในห้วงเวลา อยากมีเวลาอนันต์มากพอในการส่งสารถึงพวกเค้าเหล่านั้นที่ในภพนี้เราได้มีโอกาสพบเจอผูกพันในมิติเวลาของโลกใบนี้ ความรักความห่วงใยฐานะมนุษย์ที่นึกคิดยินดีในเรื่องราวหนหลังกับความทรงจำต่างๆ วันนึงคงมีเวลาทบทวนเขียนจดหมายด้วยกระดาษสีขาวบอกกล่าวถึงความปรารถนาดีเหล่านั้นที่ฉันได้รับ จนก่อเกิดปัญญาตัวตนที่อาจไม่ใหญ่ยิ่งในกระแสทุนนิยมแต่เชื่อแน่ว่าหากมีผู้คนได้สัมผัสหรือในวันนึงอาจไปยืนในจุดที่สูงชัน จะต้องสืบค้นถึงที่มาของความพยายามสำเร็จในความคิดที่เป็นเอกภพ ฉันเรียนรู้ที่จะเติมเต็มสิ่งที่มีอยู่ในทุกวัน รอคอยสิ่งที่มาเยือนตามพลวัตของเวลา ย้ำเตือนถึงหนหลังที่ผิดพลาดและฉันจะริเริ่มต่อเติมกับสิ่งใหม่เบื้องหน้าด้วยหัวใจ รอยยิ้ม และความสุขที่เป็นนิรันดร์ กับเธอผู้เดียว


              By Jadenathee  กับคนบันดาล(หัว)ใจ

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อยากให้เธอได้รู้

               ตั้งแต่วันนั้น ที่บอกว่ารัก ฉันเริ่มแน่ใจมากกว่าครั้งไหน เพราะครั้งนี้แม้ไม่สิทธิ์ผูกพันกันมากกว่าคนในอดีตที่ผ่านมาแต่อนุภาคความคิดถึง ความห่วงใย ใส่ใจกันมันสะท้อนออกมาผ่านความรู้สึกบริสุทธิ์ ไม่เจือปนความใคร่ อยากได้หรือครอบครอง ตลอดเวลาเกือบ3เดือนฉันมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นท่ามกลางสิ่งใหม่ๆรอบตัวที่มันสำคัญก็คือการที่เราได้พบ ได้คุย ได้รู้จักกันอย่างแท้จริง ได้รู้จักตัวตนของกันและกัน แม้จะพบว่าระยะห่างมันยังเท่าเดิมแต่ความสุขของการได้พบ ได้อยู่ด้วยกันอยู่ใกล้ๆในบางโอกาสที่เราไม่ได้ทำให้ความคาดหวังมันพังหรือก่อตัวเพิ่ม แค่ฉันรู้ว่าเรามีความสุขในขีดจำกัดที่เรายอมรับมันได้ และฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้มันสะดุดหยุดลง เพราะถ้าฉันเสียเธอไปจากชีวิตคงเสียใจและไม่ให้อภัยตัวเองอีก ความรักแบบนี้อาจต้องการเวลาที่ยาวนาน แต่สำหรับตอนนี้ฉันมั่นใจว่าแม้จะไม่ถึงฝั่งฝันแต่เราจะอยู่เคียงข้างกันไปแบบนี้ได้ ไม่ว่าสิ่งรอบตัวจะเปลี่ยนไปจนมองไม่เห็นสิ่งเก่าๆ เลยก็ตาม


              สิ่งที่ฉันกลัวยังไม่เกิดก็ขออยู่กับสิ่งที่เป็นจริงและมีความสุขกับทุกวันที่ฉันมีเธอ

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าของการมีอยู่

        การมีอยู่ของคนเราหลักใหญ่ใจความคงมีอยู่ 2 อย่าง การอยู่เพื่อตัวเอง กับการอยู่เพื่อคนอื่น คุณค่าของมันจึงต่างกันสิ้นเชิงในด้านคุณูปการต่อสังคมและปัจเจกชน ถามตัวเองว่าการมีอยู่ของเรานั้นส่วนใหญ่ในชีวิตล้วนเกิดมาเพื่อที่จะหาความสุขตอบสนองให้กับตัวเอง กลัวตัวเองเป็นทุกข์ กลัวตนเองต้องผิดหวังจากเรื่องราว อารมณ์ความรัก หรือตอนที่คนที่เรารักจากไป การพลัดพราก เหล่านี้ล้วนเป็นจุดกำเนิดของการอยู่เพื่อตัวเราเอง  อัตตาหรือฝรั่งเรียกมันว่าEGO ในยามที่ห้วงอารมณ์ตกอยู่กับตนนั้นมันใหญ่เกินกว่าจะมองคนรอบข้าง มันจึงเป็นปัญหาทั้งชีวิตของปุถุชนธรรมดา 
        วันนี้ฉันก็คือปุถุชนธรรมดาที่มีปัญหาที่เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่กับความเป็นตัวตน เพราะฉันกลัวตัวเองต้องผิดหวังจากสิ่งที่คาดหวัง ฉันกลัวว่ารักครั้งนี้จะจากฉันไป ฉันอยู่เพื่อตัวเองจริงๆ ฉันเข้าใจมาตลอดว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกมันคือภาพจริงแต่เมื่อมองให้ชัดด้วยปราศจากอคติฉันพบว่า มันคือภาพเสมือนที่ก่อให้เกิดทุกข์มากกว่าสุข ฉันอยากอยู่เพื่อคนอื่นแต่ฉันไม่มีใครรอบตัวฉันมีแค่ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งมันมีแต่เธอทั้งในมโนจิตและเส้นขนานความฝัน ถ้าเธอได้รู้ความจริงจากวันนั้น ฉันไม่ต้องการสิ่งใดฉันอยากมีชีวิต มีอนาคตอยู่เพื่อเธอ มันได้หมายความถึงการแบ่งปันทุกอย่าง ความฝันความผิดหวัง ความสุข รอยยิ้ม น้ำตา ความภาคภูมิในสิ่งต่างๆที่เป็นฉันเป็นเธอและเป็นเรา ฉันไม่อยากมีความรักที่เห็นแก่ตัวหวังแต่ความสุขของตัวเองอีก จากนี้ฉันจะทบทวน เรื่องราวของเราด้วยความจริง ฉันไม่อยากตกอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัวทางจิตใจอีก ฉันมาไกลเกินกว่าจะกลับไปในเส้นทางที่ลาดเอียงในระดับธรรมดา มันเริ่มสูงชัน มันเริ่มเหน็บหนาว ฉันแค่อยากมีใครซักคนมาเคียงข้างในเวลาที่ต้องการ คงเหมือนเธอที่มีระยะห่างช่องว่างที่หายใจไม่รดต้นคอกันนัก ฉันเข้าใจทุกอย่าง แต่อารมณ์เท่านั้นที่ทำให้ฉันเดินไม่ตรงทาง จะเดินต่อไปให้มีคุณค่าเหมือนที่หวังไว้ แค่มีเธอขนาบข้างไป ตามระยะใจที่ไม่ใกล้เกิน ขอโทษที่มีแต่คำว่าฉันจนฟุ่มเฟือย รู้ใช่มั้ยว่าความรักทำร้ายฉันแต่มันคือความสุขเดียวที่มีอยู่ทั้งชีวิต เพราะฉันรักเธอ

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คือคำว่ารักและขอบคุณ

หลายวันที่ฉันต้องต่อสู้กับความคิดถึง และจบลงด้วยความพ่ายแพ้เมื่อเราเกือบไม่ได้พบกัน 


ขอบคุณแสงเทียนในตะเกียงแก้วที่ส่องสว่างกระจ่างบนใบหน้าเราบนผืนน้ำขนาบด้วยโต๊ะเคล้าเสียงดนตรีที่อบอวลไปด้วยมนตราแห่งรัก


ขอบคุณดวงดาวทุกดวงที่เรามองเห็นไม่ไกลจากผืนโลกที่มีเพียงเราเคียงคู่ในวันพิเศษที่รอคอยกว่าสัปดาห์


ขอบคุณลมหายใจที่รวยรินรดต้นคอเราที่ทำให้ได้กลิ่นฟีโรโมนพุ่งพล่านจนยากต่อการปฏิเสธโซ่เสน่หาในเธอ


ขอบคุณน้ำตาและเรื่องราวหลายอย่างที่ทำให้เธออ่อนโยนและเข้มแข็งในคราวเดียวกัน


ขอบคุณเวลาดีๆที่เราได้พบกันอาจปนความทุกข์ของผู้คนมากมายแต่คุณค่าของการพบเจอเราไม่ได้เบียดบังผู้ใดเพราะใจเราปรารถนาในสิ่งเดียวกัน


ขอบคุณเยาวธิดาที่สร้างความแตกต่างในจิตใจให้กับผู้ชายที่แสนธรรมดาได้กลับมาอยู่ในเส้นทางของคนปกติสุขอีกครั้ง


ขอบคุณความรักที่ทำให้เราได้สบสายตากันในค่ำคืนที่เดียวดายแต่มีความหมายมากล้นกับนิยามที่เราต่างรู้ดี

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แล้วมันจะผ่านไป แล้วเราก็ได้รักกัน

             จากวันนี้จะขอ ทำทุกอย่างให้เป็นรางวัลชีวิตเธอ...
             ตลอดไปจากนี้ทุกวัน ฉันจะทำเพื่อเธอ...


             วันทีเล็บมือยาวเกินกว่าจะหยิบจับทำอะไรให้ถนัดถะหนี่ นานมากแล้วที่ไม่เคยปล่อยให้เล็บมือยาวเกินจะต้องตัดคงเพราะต้องมีสิ่งอื่นที่ต้องทำมากมาย มากกว่าการกลับมามองดูแต่ตัวเองเหมือนที่เคยมา การได้มาอยู่เพื่อคนอื่น อยู่เพื่ออีกหลายชีวิตได้ดำเนินต่ออย่างไม่ลำบาก เป็นสิ่งที่มีคุณค่าหาที่เปรียบไม่ได้ในสภาวะการณ์เช่นนี้  การมองภาพฉายของอนาคตอันใกล้ที่เห็นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ  แต่เบื้องลึกยังคงมีสิ่งซ่อนเร้นที่ต้องศิโรราบต่อเหตุและผลบวกกับวาสนาที่ทำมาจริงๆ 
              การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของเราจะเกิดขึ้นเมื่อใดไม่มีใครให้คำตอบ อาจไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนคนอื่นๆด้วยเหตุและผลหลายอย่าง แต่สัญญาได้ไหมว่าจะยังมีกันเคียงข้างกันแบบนี้ไปจนวันนั้นมาถึง วันที่เราได้บินสู่อิสรภาพของเราที่เข้าใจ ปล่อยให้เวลาพิสูจน์หัวใจเราครั้งหนึ่ง...ว่าเรายังรักกัน...รึป่าว

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รู้สึกไหมว่าใจของเราตรงกัน

ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จัก และฉันได้มาพบเธอ
มันทำให้ฉันต้องเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงหัวใจฉันไป
ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ที่ฉันไม่เคยพบเจอ
เพราะสำหรับฉันแต่ก่อน ความรักคือการคว้ามา
แต่ในวันนี้ฉันเปลี่ยน ความรักคือการให้ไป
เพิ่งจะรู้และเข้าใจ เมื่อฉันได้มารักเธอ

คืนที่คำถามและคำตอบบางอย่างพรั่งพรูออกมา ให้ใจที่ว่างเปล่าได้ชุ่มชื่น มีชีวิตชีวา ไม่เฉยชากับเวลาที่ผ่านและปลดปลงต่อความคืบหน้า ดีใจที่ฟ้ายังมีหนทางให้เราก้าวเดินต่อไปบนความคาดหวังที่จะทดสอบสิ่งใหม่เพื่อย้ำความปรารถนาที่อยู่ภายในให้หนักแน่นขึ้น ฉันรักเธอ ได้ยินไหม...ไม่ต้องหาที่มาและความหน่วงเวลาในความรู้สึก เวลาไม่สำคัญอีกต่อไปจากนี้ไปแค่อยากพบเจอหน้าเธอ คิดถึงนะคะ

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ได้มีวันเวลาดีๆเพราะมีเธอ

           ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง  ฉันจึงมาหาความหมาย  
           ในคืนไร้ดาวพร่างพราย  สุดท้ายไร้ฝันพันดาว


           วันที่ใครหลายคนรู้ข่าวว่ากว่าครึ่งประเทศหยุดยาว แต่หน้าที่ก็ยังคงดำเนินต่อไปพร้อมกับความคิดถึง ความจริงที่สุดของการเดินทางอันแสนไกลเพื่อที่จะมาหยุดนิ่งอยู่กับสิ่งตรงหน้า ภาระงานที่เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า เพราะได้ช่วยแบ่งเบาความทุกข์ที่สาหัสของผู้คนที่มาพึงใบบุญจากสถานที่ จากเครื่องไม้เครื่องมือ กับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่สะดวกนักในยามที่หลายชีวิตต้องมาเผชิญชะตากรรม พรุ่งนี้ฉันยังคงดำรงชีพด้วยความยังประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ ยังประโยชน์ต่อจิตใจตนเอง ความไม่ทุกข์ร้อนต่อสิ่งเบื้องหลัง ตั้งแต่วันวานฉันได้ทำดีที่สุด ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก่อนนอนทุกวันฉันได้ตรึกตรองถึงคุณค่า ภาพที่เห็น นาทีชีวิต ความยังชีพคือสิ่งล้ำค่า แม้อ่อนล้าต่อแดดจ้า แต่ยังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่เสียสละกว่ามาก เช่นเดียวกับผู้ที่รอคอยความหวังอันเลือนลาง และเริ่มทำใจกับสิ่งคุ้นชินของคนไทยตลอดสามเดือนที่ผ่าน อีกไม่นานคงถึงจุดแตกหักของเหตุการณ์ ทั้งธรรมชาติและชีวิต


           วันที่น้ำเสียงสั่นเครือ จุกอกเพราะเรื่องราวมากมาย แต่แค่ได้ยินเสียงใสๆจากที่ไม่ห่างไกลกันฉันกลับมีพลังชีพเพื่อหัวใจและวันพรุ่งนี้อย่างประหลาด คงเป็นเพราะความรักที่เอ่อล้นจนไม่มีข้อแม้ของใจ คิดถึงเธอที่แสนดี...
           

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พระจันทร์ที่นั่นเป็นเช่นไร

      ไม่มีชีวิตใดมีความสุขเท่าการได้ค้นพบว่าความพอดีเหมาะเจาะทางอารมณ์ กายภาพ ดุลยภาพความต้องการของร่างกายและจิตใจที่ใฝ่หาความสุขอย่างง่าย มันถูกจัดวางไว้อย่างหลวมๆท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติของเหตุการณ์ เมืองที่แวดล้อมไปด้วยมวลน้ำที่พร้อมทะลุทะลวงเข้าหาในทุกด้าน อีกฟากฝั่งของหัวใจยังคงอิสระเสรีตามแต่ใจเธอได้โบยบิน ไม่มีแรงกดดันคาดหวังสิ่งใด อยู่เพื่อหน้าที่ทำตามหัวใจที่พอเพียง รับผิดชอบต่อสิ่งสำนึก ต่อสังคมที่หวาดหวั่น ได้เห็นเธอมีความสุขอยู่กับธรรมชาติที่ผ่อนคลาย แม้อาจไม่ได้พบเจอแต่สัมผัสได้ถึงความสุขที่เธอได้รับและเติมเต็มมันอย่างง่ายๆในวันหยุดที่หลายคนผ่อนพักตระหนักรู้ถึงความต้องการภายใน คงอยู่ในจุดที่มันสมควรดีเหมาะ  ฉันเหม่อมองพระจันทร์คราใดแม้ในรูปภาพก็อดคิดถึงใบหน้า สีสันแววตา ท่าทางที่เราได้อยู่ใกล้ชิดกัน รู้บ้างไหมแค่เราใกล้ชิดแม้ไม่ได้ก่ายกอด ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการสิ่งใดีอีก อาจไปถึงจุดสูงส่งในสักวันแต่ไม่มีอะไรสลักสำคัญเท่าการกลับมาอยู่กับความรู้สึกระดับสามัญ ที่ทำตามความเป็นมนุษย์สัญชาตญาณของความโหยหา คิดถึง ห่วงใย เข้าใจ ในวันที่คลื่นซัดใจ น้ำหลากไหล เอาความทุกข์ยากมาเยี่ยมเยือน เพื่อทดสอบแก่นใจของมนุษย์ ฉันรักและคิดถึงเธอ นี่คือสิ่งหนึ่งที่ง่ายต่อการเข้าใจในสภาพสามัญปุถุชนที่ไม่อาจสร้างแนวกั้นทางความรู้สึกต่อไปได้อีก 


   วันที่ความสุขของเธอ อยู่ไกลฉัน วันที่นอบน้อมต่อความสัมพันธ์ วันที่พระจันทร์อยู่ในใจของเรา

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

2 พยางค์ กับ ความคิดถึง

อ่อนล้า/ คิดถึง/ โรยรา/ สายตา /อยากพัก /ไม่ร้อน /ไม่หนาว /ชาชิน /เดียวดาย /ติดกับ/ กับดัก /เวลา /นาที


กายา/โหยหา/ เพลา/ เงียบหาย/ สับสน/ การงาน /ช่วยเหลือ /สงสาร /ไม่รับ/ ติดต่อ /เข้าใจ/ วิญญาณ /


หลับฝัน /คืนวาน/ฝันร้าย/ หลอกหลอน/ ร่วงหล่น/ ในฝัน /ฟันหลุด/ อีกครั้ง/ สังหรณ์ /บอกเหตุ /ไม่ทราบ


ใคร่ครวญ/ ครอบครัว/ รำคาญ / เวลา /ส่วนตัว /ของเธอ /ระยะ /ที่ว่าง /ห่วงใย/ ใส่ใจ /รักใคร่ /ไม่เห็น/หน้าตา


เลือนลาง/ จางหาย/ ติดตรึง /รอคอย /ปลงตก /คงเดิม/ เท่าเดิม/ คาดเดา/ สายตา /ท่าทาง /พรุ่งนี้ /ยังคง


คำนึง/ ห่วงหา/ แม้ว่า/ พบพาน/ ผ่านไป /สำคัญ / จิตใจ /คาดหวัง/ ทุกข์ทน /ปล่อยวาง/ผ่านพ้น /สุขใจ/


 ยิ้มได้/ ใฝ่หา/ เธอคือ/ ดวงใจ /ของฉัน/ เป็นพอ

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันที่เราอยู่ไกลคิดถึงฉันบ้างไหม "คนดี"

             ยิ่งสัมผัสเข้าใกล้ความยากลำบากที่เกิดจากการทวงคืนของธรรมชาติ ได้สัมผัสถึงกลิ่น ภาพ เสียงร้องระงม บ้างคนบ้างหมา โอดโอยจากบาดแผลความเจ็บปวดสูญเสียทรัพย์สิน และบาดแผลทางร่างกาย ทำให้จิตตกไปบ้างตามการคาดเดาก่อนหน้านี้ ไม่คิดว่าใกล้เมืองกรุงเพียงนิดจะได้เห็นสภาพที่ย่ำแย่ ไม่มีใครหอบหิ้วเอาสิ่งของมีค่าออกมาได้โดยง่ายมีเพียงชีวิตและสัตว์เลี้ยงเป้ใบโปรด เท่านั้นจริงๆ สุดท้ายความยังชีพก็สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด การได้เป็นฟันเฟืองเล็กๆในการหยิบยื่นเครื่องมือที่ตนเองมีอยู่ไปแบ่งเบาความทุกข์ร้อน ก็ทำให้สุขใจไปพร้อมกับอารมณืสลดหดหู่ ฟ้าหลังน้ำใหญ่ครานี้คงมีสิ่งเปลี่ยนแปลงมากมายใต้แผ่นดินที่เราเหยียบย่ำทุกวัน 
            การจากมาห่างไกลจากกระแสเชี่ยวกราดของเรื่องราวครอบครัวมากมายที่ยังครุกรุ่น กระแสเชี่ยวกราดของสายน้ำ การปรุงแต่งของจิตใจ ความเห็นแก่ตัวคนที่รายรอบ ไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวสิ่งใด ทุกคนล้วนต้องรับผลของการกระทำทั้งสิ้น เราเองคงได้แต่เฝ้ามองอยู่ตรงกลางของเรื่องราวไม่เอนเอียงต่อ พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติสนิท มิตรสหาย ทั้งหลายหลาก วันนี้ฉันเหนื่อย ฉันมีเรื่องราวให้คิดมากมาย ฉันมีกำลังแค่นี้ พรุ่งนี้ฉันจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่น เพื่อคิดถึงเธอและก้าวต่อไป 


คิดถึงฉันบ้างไหม...คนดี

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ความสุขและความรักโดยสังเกต

                 เช้าที่ไม่มีฝนพรำมา ความเงียบเหงาปนหยาดน้ำตา วันเวลาดีๆกำลังจะจากฉันไป  ไม่อยากตื่นมาพร้อมกับความฝันที่ซับซ้อน เช้าตื่นกับความรู้สึกดีๆที่จางหายไปสวนทางกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านหน้าต่าง ชีพจรขับเคลื่อนอีกครั้ง ยังคงคิดถึงเรื่องราวเมื่อค่ำคืนวานผ่านไป ความสุขที่เฝ้าสังเกต คงไปเป็นตามทางที่เป็น ทำได้ดีที่สุดแค่ทำให้เรามีความสุขโดยสังเขป ผ่านบรรยากาศวันที่มีความหมาย เรียนรู้ผู้คนรายล้อมเก่าใหม่ไม่สิ้นสุด การเดินทางของหัวใจสิ้นสุดลง แต่มีบางคำตอบที่ยังตามหาคำถาม ไม่มีใครล่วงรู้ฟ้าดินแม้แต่เอกภพที่ไพศาลไม่อาจบอกกับตัวเองได้ว่าตัวข้าจะถึงวันสิ้นสุดวัฎจักรในระบบดาราจักรได้ฉันใด เศษฝุ่นมนุษย์ในดาวโลกตัวเล็กๆคนนึงก็คงไม่อาจบอกได้ถึงสถานะอนาคตที่วนเวียน สิ่งเก่าจากไปเพื่อรอคอยการมาใหม่ เฝ้ามองบทสนทนามากมายไม่มีความหมายเท่าสิ่งภายใน ความสุขที่สังเกตคือเพียงได้อยู่กับคนที่เรามีความสุขโดยไม่มีข้อแม้ถึงการต่อต้าน ธรรมชาติที่จะบอกว่าคนที่ใช่อยู่ใกล้ๆแล้วเป็นยังไง อยากหยุดความคิดที่มีเพียงแค่นี้ได้ไหม การเดินทางระยะไกลครั้งสุดท้ายมาถึงแล้วจริงๆ 


ฉันเชื่อคุณค่าจิตใจนั้นเหนือกว่าสิ่งไหน...

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แสนดีชีวิตของเราแสนดี

          สุขสันต์วันเกิด HBD ถึงฉันจะไม่ได้เจอแต่อยากส่งผ่านเพลงนี้ไป  
          สุขสันต์วันเกิด HBD ขอให้เธอมีความสุขเท่านั้นฉันก็สุขใจ


          วันที่แสนดีกับสิ่งเชื่อมโยงของเรา มีถ้อยคำมากมายที่สื่อถึงความรู้สึกแต่ไม่อาจบดบังความเที่ยงตรงของสิ่งที่จัดสรรโดยโลก ธรรมชาติ ความสุขที่กำลังเลื่อนลอยอยู่นี้อาจมีเส้นสิ้นสุด วันที่ความรู้สึกหนักแน่นชัดเจนพร้อมเปลี่ยนผ่านการยึดถือในใจที่ต่างก็รู้ ดูเหมือนไม่มีสัญญาณตอบรับแต่ฉันก็เฝ้ารอคอยให้วันนึงมีคำตอบสำหรับทางที่ดีที่เราต่างจะเดินไป  วันไหนที่ไม่มีเวลาแม้ไปพบเจออยากให้รับรู้ ถึงความเศร้าที่แฝงเร้นอยู่  ความคิดต่อโลกนี้มันไกลเกินคนปกติที่มองกัน มันอาจเข้าใจยาก แต่ก็สัมผัสได้ถ้าเราได้คุยกันแบบที่เป็นอยู่  วันนี้ที่ยังคุลมเครือไม่รู้ถึงจิตลึกซึ้งที่นอนนิ่งอยู่ มีอีกหลายมิติที่ต่าง ความสุขทั้งหมดที่ได้รับมันอาจมากขึ้นถ้าเราปล่อยให้เป็นไปตามสัญชาติญาณของกันและกัน จะทำให้มันดีที่สุดสำหรับเรา สำหรับเธอ 

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

10 Things สิ่งที่ได้จากความรักขณะนี้


  1.  เวลาที่ผ่านไปแต่ละวันของฉันมีความหมายมากกว่าเดิมเมื่อเปรียบกับวันที่ไม่มีเธอ
  2. การไม่คาดหวังทำให้เรายังคงเดินต่อไปในทางที่เราต่างรู้และสุขอยู่ได้เท่าที่มี
  3. การพบหน้าสบสายตาในวัยที่ล่วงเลยอะไรๆมาพอควรแต่กลับมีสุขมากกว่าเดิมเพราะเธอ
  4. ถ้าวันนึงต้องไม่มีเธอฉันคงขยาดกับความรักแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน
  5. ฉันอ่อนโยน คิดถึงคนอื่่นๆมากกว่าวันที่ผ่านมา
  6. ฉันมีช่วงเวลาที่เป็นตัวเองได้มีเวลาคิดทบทวนสิ่งต่างๆที่เป็นเราเกือบทุกวัน
  7. ฉันมั่นใจกับความสัมพันธ์ที่ก้าวเดินไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
  8. ไม่มีซักแว๊บที่คิดถึงความสัมพันธ์เชิงลึก เรื่องsexเป็นเรื่องเล็กน้อยมากตอนนี้
  9. ความสุขจากการได้ห่วงหาอาทร มันมีมาโดยที่ไม่ต้องพยายามเหมือนก่อน
  10. ฉันรักในสิ่งที่เป็นเธอโดยไม่ได้ปรุงแต่งความรู้สึกใดๆ และคิดว่ามันเป็นความสุขที่ได้จากรักขณะนี้จริงๆ

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รักกันมีเรื่องราวอีกมากมาย

            อย่าเลยอย่าอยู่กับรักที่เป็นเพียงนิยายสุดท้ายก็จากกัน
            อยากให้เรายังรักกันทั้งรักทั้งผูกพันกันด้วยหัวใจ


            ท่ามกลางความรักและวิถีทางที่เราต่างเดิน ฉันรู้ว่าเมื่อมีจุดเริ่มต้นที่ใดย่อมมีจุดหักเหและจุดดับเกิดขึ้นตามมาเสมอ ทุกวันเฝ้าภาวนากับสรรพสิ่งให้เรายังคงอยู่ในเส้นทางที่เราต่างสร้างกันมาตลอดระยะเวลาสั้นๆ วันนึงอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ยืนยันความสัมพันธ์ของเราคงมีแค่สีหน้าแววตา และความรู้สึกที่สัมผัสถึง ไม่รู้ว่าถ้ามีสิ่งใดมากระทบความเข้าใจที่ก่อตัวอย่างเรียบง่ายจะทำให้เราหนีหายไปจากกันรึเปล่า ความซับซ้อนของความคิดและความรู้สึกอาจไม่สำคัญอีก ถ้าวันนึงเราได้พูดกันในบรรยากาศที่ง่ายต่อการรับรู้ วันนี้ความอิสระจากตัวของเราอาจทำให้คำว่ารักที่เปล่งออกมาเบาๆในใจมันดังก้องแคบๆในห้องภายในที่เราต่างรู้  ความรักและทุกอย่างที่มีให้มันมากจนไม่อาจก้าวล่วงผ่านสิ่งที่เป็นเธอเลย ความสุขที่ได้รับมันอาจเป็นเพียงสะเก็ดเสี้ยวหนึ่งที่กระฉอกออกมาจากจิตใจของเธอ แต่ฉันรับรู้และอยากอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแสนนาน จนใจที่หนาแน่นนั้นเบาบางลง จนเสียงข้างในมันเล็กลอดออกมาให้เราได้รับรู้ในสักวันหนึ่ง







วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทำไมคนคนนึงถึงคิดถึงคนอีกคนนึงได้มากขนาดนี้

              วันที่อะไรๆดูเหมือนเป็นวันสุดท้าย วันที่ทุกคนต่างตื่นตระหนกไปกับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ วันที่บางคนสูญสิ้น สิ้นหวัง บางคนยังมีความสุขอยู่กับกิจวัตรที่คุ้นเคย บางครอบครัวกำลังเผชิญความสูญเสีย บางอารมณ์ที่นึกถึงก็เป็นเหตุแห่งธรรมชาติ หากนึกย้อนกลับคงไม่มีอะไรเที่ยงตรงซื่อสัตย์เท่าสัญญาจากธรรมชาติที่ ไม่มีคำว่าให้อภัย ไม่มีการลดหย่อน ผ่อนปรน มีเพียงการปล่อยวางและปลงเท่านั้น การต่อต้านไม่เป็นผล ชั่วโมงนี้มนุษย์ต้องถอย ยอมรับและปรับตัว วิถีชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติดูจะเป็นแนวโน้มที่ดีกว่า 
         วันที่มีแต่ความคิดถึง คิดถึงคนคนนึงที่ไม่ได้มีสิ่งใดผูกพันกันมากมาย ไม่ได้มีช่วงเวลาร่วมกันที่เนิ่นนาน ไม่ได้มีสัญญาผูกมัดทางความสัมพันธ์ แต่ทำไมเธอถึงทำให้เราเฝ้าคิดเฝ้าห่วงหา ทั้งๆที่ไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทนกลับมา มีแค่ความสุขที่ได้ทำได้บอกไปวันวัน ฉันไม่รู้เธอมีความสุขรึเปล่า แต่อยากให้รู้ว่ามันเหมือนขาดอะไรไปซักอย่างในชีวิตที่แสนน่าเบื่อ แต่แค่เวลาไม่นานทำไมความรู้สึกมันมากมาย ทั้งที่ไม่เคยได้อะไรกลับมาเหมือนที่เคยผ่าน จะเฝ้าคิดถึงไปทำไม จะเฝ้าทุกใจเมื่อไม่ได้เจอไปทำไม ในเมื่อเราต่างก็ยืนยันว่ามันเป็นแค่เพื่อนดี แต่ถึงเวลานี้ไม่มีกรอบหรือนิยามอะไรอีกต่อไป แค่ฉันสุขใจที่เรามีกัน พรุ่งนี้อาจไม่ได้พบอาจไม่ได้เจอกันอีก ไม่สำคัญ ฉันจะบอกว่าคิดถึงเธอทุกวันก็พอ ^ ^ 


เค้าคิดถึงมิ้งน้า...

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง(อีกครั้ง) ?

             การตัดสินใจแห่งอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ลางสังหรณ์บอกถึงเวลาที่นับเดินไป ฉันยังมีความสุขอยู่กับช่วงเวลานี้ อย่าเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงได้ไหม อาจเป็นการมองในห้วงเวลาที่ก้าวหน้าเกินไป เวลาที่หัวใจสายตาหยุดนิ่งอยู่ที่เบื้องหน้า คือเธอคนเดียว ทำไมต้องสร้างเงื่อนไขทางความคิด ในเมื่อเราพร้อมที่จะโดดเดี่ยว เลือกทางเดินนี้เองมาโดยตลอด  อาจเร็วเกินไปที่จะมาขบคิด แต่เมื่อ5 ปีที่แล้วฉันเคยคิดว่า... แต่มันก็ไม่ได้เป็นดังนั้น จะแคร์สิ่งใดอีก อะไรจะเกิดก็คงให้มันเป็นไปตามเหตุและผลของกรรมและวาระแห่งโอกาส ที่ทำได้คือ ทำตามสิ่งสั้นๆในเป้าหมายเล็กๆ ถ้าสอบเรียนต่อไม่ติดค่อยคิดอีกทีว่า อาจต้องยอมรับเงื่อนไขจากที่ใดที่หนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตอีกครั้ง คงคิดถึงเธอนะ ถ้าเราอาจจะต้องไกลกัน

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ความอมตะของมนุษย์(ไม่)มีอยู่จริง


           แม้มนุษย์ไม่มีวันเป็นอมตะแต่มนุษย์ก็มีความสามารถในการสร้างสิ่งที่ใกล้เคียงความเป็นอมตะ


ความคิดเรื่องทฤษฎีสัมพันธภาพ ในการเปลี่ยนมวลสารเป็นพลังงาน ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยังมีการศึกษากันอยู่ในมหาวิทยาลัย และแปรรูปไปใช้เป็นโรงไฟฟ้าปรมาณูเป็นพันแห่งทั่วโลก
      
ความคิดที่พระเจ้านโปเลียนบัญชาให้รวบรวมและเรียบเรียงกฎหมายต่างๆ ของฝรั่งเศส ให้อยู่ในรูปแบบระบบที่อ้างอิงได้ง่าย เป็นต้นกำเนิดของระบบประมวลกฎหมายในโลกตราบถึงทุกวันนี้

เช่นเดียวกับ สตีฟ จ็อบส์ สำหรับผม เขาไม่ได้ยิ่งใหญ่เพียงเพราะเป็นนวัตกรหรือพระเจ้าด้าน IT และ แต่เขาคือรากฐานสำคัญคนหนึ่ง ของการทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็น "ของง่าย" หรือ "เครื่องใช้ประจำวัน" เช่นปัจจุบันนี้ Jobs เคยกล่าวว่า "ความตายคือประดิษฐกรรมที่ดีที่สุดของ ชีวิตความตายคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ความตายกวาดล้างสิ่งเก่าๆ ให้หมดไปเพื่อเปิดทางให้แก่สิ่งใหม่ๆ" หลักมรณสติอย่างง่ายที่ทำให้เราไม่ยึดติด ทำให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและไม่ประมาท

"เวลาของคุณจึงมีจำกัด และอย่ายอมเสียเวลามีชีวิตอยู่ในชีวิตของคนอื่น จงอย่ามีชีวิตอยู่ด้วยผลจากความคิดของคนอื่น และอย่ายอมให้เสียงของคนอื่นๆ มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปตามที่หัวใจคุณปรารถนาและสัญชาตญาณของคุณจะพาไป เพราะหัวใจและสัญชาตญาณของคุณรู้ดีว่า คุณต้องการจะเป็นอะไร"

เพียงประโยคตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับใครหลายๆคน การตายของJobsเทียบเคียงได้กับเอดิสันหรือไอน์สไตน์ แต่อาจอยู่ต่างวาระ มีอีกหลายสิ่งที่ชีวิตนี้ผมอยากทำ มีใครคนหนึ่งเข้ามาทำให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะทำความฝันเล็กๆของผมอีกครั้ง การที่เราทำทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต พรุ่งนี้มันย่อมดีแน่ ผมจะไม่รีรอที่จะบอกว่าคิดถึงเธอ ผมจะไม่สุ่มเสี่ยงต่อการทำลายความฝัน วันนี้แม้อาจยังไกลห่างจากความรักที่ต้องการ แต่ก็มีความสุขดีที่เราเข้าใจกัน พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็แค่คนตัวเล็กๆ แต่ร่องรอยของมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่กลับทำให้เราเต็มเปี่ยมด้วยจินตนาการ ความหวัง และความฝัน อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง 

ขอบคุณแรงบันดาลใจดีๆ และขอบคุณเธอที่ทำให้วันนี้ฉันมีความหวัง ^^





วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่เธอควรรู้แต่เธอไม่เคยรู้

             ทั้งๆที่รู้ ทั้งๆที่รัก
             
             เหมือนฉันอยากถอยออกมาจากทุกอย่างแต่ทุกสิ่งที่ดีกับเธอมันฉุดรั้งไว้ ความรัก ความห่วงใยที่มีมันมากเกินจะหักดิบความสัมพันธ์ของเรา  วันเวลาที่ผ่านไปทุกวันมันเติมเต็มทุกอย่างโดยไม่รู้ตัวจริงๆ ยังนึกไม่ออกถ้าที่ผ่านมาเราไม่มีกัน ฉันจะรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ไม่อยากคิดฝันอะไร แค่วันนี้ฉันเหนื่อย เหนื่อยกับความสัมพันธ์ทุกอย่าง แต่ทำไมไม่เคยเบื่อเธอ ไม่เคยโกรธเธอ ทำไมหัวใจเราต้องยอม ฉันรักเธอเข้าแล้วจริงๆใช่ไหม เกือบสองเดือนที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ไม่มีสิ่งที่ดีหรือดีกว่ากับวันที่เจอเรื่องราวไรมากมาย ไม่ได้มีเรื่องรักอย่างเดียวที่ต้องนึกถึง แต่ทำไมตัดช่วงเวลา ความคิดถึงที่มีไม่ได้ซักที มันไม่เคยเป็น ไม่เคยรู้คุณค่าของเวลาการรอคอยอะไรบางอย่าง ฉันยังมีความสุขอยู่รึเปล่า คงทุกข์หนักมากกว่าถ้าวันใดที่ขาดเธอไป ถึงตอนนี้ให้ถอยหรือทิ้งทุกอย่างจริงๆคงทำไม่ได้ อยากควบคุมมันให้อยู่ในทางที่เธอเป็น ฉันขอโทษ ไม่อยากเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันอีก คงเพราะรักจริงๆ ฉันยอม...

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ช้าไปไหมเธอ

 
             ภาพเหตุการณ์ค่ำคืนที่น่าสมเพชในความรู้สึกกลับมาทำรา้ยกันอีกครั้ง ความงมงายที่เกิดขึ้นผลเสียที่ทำให้ทุกอย่างยุติลง ค่ำคืนที่เมามายกับการยืนยันอีกครั้งของความสัมพันธ์บนโลกใบนี้ว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของใครได้อย่างแท้จริง ฉันไม่น่าตามเธอไป รู้ทั้งรู้ไม่มีประโยชน์ เธอไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวคือความจริง และสุดท้ายก็ได้ค้นพบว่าความเงียบสงัด หลงทิศทางจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ มันปวดร้าวทั้งหนาวทั้งกลัว ฉันหลับไปจนฟ้าสางก็ไม่พบเจอใคร เธอทำฉันหมดสิ้นหนทาง ทุกเหตุการณ์ที่ทำร้ายกันมันสะสมมากมาย เธออาจไม่เคยรู้ และวันนี้จะมาบอกว่าขอโทษ ยังคิดถึงกันเนี่ยนะ มันสายไปแล้ว ฉันมาไกลมากที่จะย้อนเวลากลับไป กลับไปเจ็บแบบเดิมๆอีก ไม่มีที่ตรงนั้นสำหรับเราอีก เสียใจ แต่ดีใจมากกว่าที่อีกไม่นานเธอคงมีชีวิตที่ดีกว่าวันที่เราดูแลกัน

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ขอโทษที่เราไม่ใช่แฟนกัน

ขอบคุณลางสังหรณ์ที่ผ่านพ้นไป
ขอบคุณที่ทำให้ยังมีทางเดินต่อไปได้
ขอบคุณที่ช่วยเตือนความจำ ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน
ขอบคุณที่เตือนสติให้ไม่ทำสิ่งผิดพลาดอีก
ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าควรอยู่ตรงไหนให้มีความสุข
ขอบคุณที่บอกกันและทำให้ใจสั่นเสียศูนย์
ขอบคุณที่ยังแคร์ความรู้สึกกันอยู่
ขอบคุณค่ำคืนที่ดี ที่ทำให้ฉันมีความสุขตามสมควร
ขอบคุณที่ทำให้มีที่ยืนในการเจียมตัวใกล้ๆเธอ
ขอบคุณเรื่องราวทุกอย่างที่ดำเนินไป


และขอโทษที่รู้สึกเกินเพื่อนแสนดี ทั้งที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน


       

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ด้วยภาระและทางที่เราต้องเดิน

      อยู่ตรงนั้้นเธอคิดถึงฉันมากเท่าไร อยู่ตรงนี้เธอรู้ไว้เลยว่าคิดถึงเธอจนล้นหัวใจ ได้โปรดเธอจงมั่นใจว่าฉันคนนี้รักเพียงแต่เธอ...
      
      ทุกๆวันที่ผ่านไปไม่รู้ว่้าเราจะยังเป็นแบบนี้ได้อีกนานเท่าไร ฉันไม่ได้ต้องการวันที่เราต้องถึงจุดที่มันอิ่มตัวหรือมากมายเท่าที่ต้องการ แต่อยากให้เราได้มีเวลาิคิดถึงกันบ้าง เป็นแบบที่มันควรจะเป็น ไม่ทุกข์ไม่สุขล้นไปกว่าวันต่อๆไป แต่ก็ไม่รู้ฉันจะหักห้ามหัวจิตหัวใจได้มากน้อยแ่ค่ไหน  บางทีความรักมันก็ลึกซึ้งเกินกว่าจะบอกมาเป็นคำพูดหรือตัวอักษรจริงๆ แค่วันนี้มีกันอยู่ฉันก็มีความสุขมาก จากนี้ไม่ได้ต้องการอะไรแค่มีพรุ่งนี้ด้วยกันไปตลอด สัญญาว่าจะมีแต่วันดีๆให้กันนะ ^^

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำท่วมเมฆกระต่ายลอยคอหมาหางงอกอดคอโยกเยก

         ธรรมชาติไม่เคยปราณีและให้อภัยมนุษย์ฉันใด ก็ฉันนั้น 
ไม่มีคำอ้างใดให้กับฟ้า น้ำ อากาศ


ดั่งธาราพาเงามัจจุราช      ช่างเกี้ยวกราดหวาดหวั่นไปทั้งผอง
สองฟากฝั่งแม่น้ำลำตะคอง     นั่งเหลียวมองสะท้อนย้อนดูเงา


มนุษย์นี้ทุกข์เข็ญยากเย็นแสน    บนดินแดนอุดมสมประสงค์
ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวทั่วทุกองค์   หนาวนี้คงสะท้านปานขาดใจ



สิ่งเก่าๆและสิ่งใหม่ๆ

          การถูกเลือกและถูกกำหนดให้ต้องเป็นสิ่งต่างๆการนิยาม ต่างมากจากเงื่อนไขของเวลา สถานะ สิ่งของ และพลวัตที่เวียนหมุนไป วันนี้เราได้เปลี่ยนสิ่งใหม่ แทนสิ่งเก่าที่หมดสภาพตามระยะทางและเวลา ชีวิตคนหนึ่งคนจะมีความทรงจำกับการย่างก้าวที่แสนสบาย ก้าวผ่านสิ่งต่างๆในช่วงเวลาที่ทั้งหอมหวานและขมขื่น สำหรับเราคงเป็นการเปลี่ยนที่มากกว่าสิ่งรองรับบนเส้นทางใหม่ พื้นผิวสัมผัสที่ใหม่ทั้งตอนที่เหยียบย่ำและสัมผัสทางจิตใจ 
          วันที่อยากพบเห็นความสุขจากการแค่เห็นหน้าใครซักคนที่แม้อาจไม่เป็นใจด้วยกาละเทศะ เวลาที่เหน็ดเหนื่อย แต่อยากให้รู้ว่าเป็นห่วง ไม่มีสิ่งใดทัดทานความคิดถึงได้อีก วันที่ว่างเว้นจากกิจวัตรที่ต้องดำเนินฉันอยากพบเจอเธอแม้เพียงไม่กี่นาทีก็เพียงพอ อยากได้มีโอกาสแสดงความห่วงใยต่อใบหน้า นานแล้วนะที่ได้ยินแต่เสียงและรู้สึกผ่านตัวอักษร ฉันจะไปพบเธอในวันที่ฟ้าฝนอาจไม่เป็นใจ สายน้ำและธารารายล้อมเมืองหลวง...

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

คิดถึง

            ฉันกลับไปสู่ห้วงแห่งกาลเวลาที่มืดดำจากความทรงจำเพราะเธอ ไม่อยากฟื้นไม่อยากรู้สึกกับสิ่งเหล่านั้นอีก แต่คงเพราะเวลาที่ล่วงเลยจนบางทีก็ลืมเลือนมันไป ไม่มีผู้ใดไม่มีหรือหนีอดีตพ้น ยังคงตามหลอกหลอนเรื่อยมาแต่ฉันเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบันที่สดใสอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะพบเจอสิ่งใด วัยที่ก้าวผ่านเรื่องราวด้านขนานโลกของคนปกติมาเนิ่นนาน  ภายนอกฉันดูไร้มลทิน ปกติสุขใจจากรอยยิ้มแห้งๆที่ฉาบบนใบหน้าหยาบกร้าน แต่ภายในมีไม่กี่คนที่รับรู้ถึงที่มาที่ไป ฉันได้เปิดเพียงบางส่วนที่อาจไม่คุ้นชิน แต่คงได้ทำให้เกิดการชั่งใจในอนาคตกาลที่จะมาถึง อาจบั่นทอนความสวยงามที่วาดไว้ แต่มันคือความจริงที่เป็นและไม่มีใครลบเลือน มีแต่สิ่งดีๆเพิ่มเติมเท่านั้น ที่จะบอกได้ถึงแนวโน้มในการจัดวางจิตใจให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม


           การที่ต้องย่ำเดินอยู่ตรงกลางระหว่างผู้คน เรื่องราว ครอบครัว และคนที่เรารักบางทีก็ปลงตกอ้างว้างเดียวดาย อยากจะมีเธอฉันอยากจะมีเธอเก็บไว้ในใจอย่างนี้ วันใดฉันรู้สึกแย่จากสิ่งที่รายล้อมฉันจะยังคิดถึงเธอผู้แสนดี...


มองไปที่ฟ้าไกลที่ดวงตาคู่นั้นดวงตาของฉันเฝ้ามอง  แสงที่เธอสัมผัสเชื่่อมความคิดของเราให้ถึงกัน...^ ^ 

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

The moment of stability

ความไร้ซึ่งเสถียรภาพกับความผันแปรของสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดยืนหยัดมั่นคงพอ โลกทุนนิยมกำลังสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยง หุ้นดิ่ง ทองตก ค่าเงินที่ฟุ้งเฟ้อขึ้นตามเข็มนาฬิกา แม้แต่จิตใจของคนที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ขึ้นลงของฮอร์โมนร่างกายและ  Catalyst ทางสังคม เวลาที่ฉันเหลียวมองไปเบื้องหน้าอยากพบเจอกับใครซักคนเพื่อปลดปล่อยความผันผวนทางอารมณ์ออกจากภวังค์ ตามหาใครคนหนึ่งซึ่งอาจมีหรือล่องลอยอยู่ในความเป็นจริง 
           การที่ฉันได้พบเธอ ตามจังหวะห้วงเวลาที่ต่างไม่อาจล่วงรู้ ไม่มีความบังเอิญใน ESP เฉกเช่นเดียวกัน การหยุดนิ่งเพื่อรอคอย การก้าวกระโดเพื่อหลีกหนี ล้วนมีเหตุปัจจัยที่มาต่างวาระกันไป วันนี้แค่เชื่อในความรู้สึก ฉันเดินผ่านจุดทดสอบของอารมณ์มามากมายแต่ไม่อาจก้าวข้ามความเป็นธรรมชาติของความสัมพันธ์ที่ประโลมโลก ไม่อาจทัดทานต่อความคิดถึงคะนึงหา ไม่อาจต่อสู้กับความเดียวดาย ไม่อาจหายใจได้เต็มปอดทุกครั้งที่โดดเดี่ยว ปุถุชนอย่างฉันยังโหยหาความรักจากคนเคียงคู่ อาจเป็นเธอ อาจเป็นผู้หญิงซักคนที่มาหยุดทุกอย่าง หยุดการเคลื่อนที่ของชีพจรในโลกที่ฉันเองก็ไม่อยากสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับอารมณ์ความรู้สึกที่คู่ขนานไปกับความจริง ทุกครั้งที่จิตตกหว้าเหว่ฉันเห็นแต่ใบหน้าอันอิ่มเอิบเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส ฉันเป็นสุขที่ได้มีความทรงจำที่ดีกับเธอนะ  
           ไม่รู้วันใดที่จะได้พบเจอกันอีก ช่วงเวลาที่อยากสร้างความมั่นคงทั้งทางอารมณ์และจิตใจการหยุดค้นหาสิ่งจอมปลอม ไม่มีคำสัญญาใดเทียบได้กับการกระทำของฉันจากนี้ สิ่งดีๆหลายอย่างจะพรั่งพรูออกมา ไม่นานคงได้รับรู้ถึงความจริงใจที่มี อยากเร่งแสงตะวันและจันทราให้เร็วกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจทำได้ในโลกที่ฉันเองไม่อาจควบคุมสิ่งต่างๆแม้แต่ความรู้สึกจากเธอ 
           

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

เธอคือความสุขของฉัน

                ทุกลมหายใจที่ผ่านไป ยังหวั่นในใจกับอะไรๆที่เปลี่ยนแปลงไปทุกๆวัน ฉันเป็นคนเดียวที่จมอยู่กับความรู้สึกนี้ หรือไม่มีอะไร ว่างเปล่า ความสุขทีี่ผ่านมาคืออะไร ความสุขตอนนี้คือเธอ การได้พบเธอคือความสุขสุดท้าย ที่มาแต่งเติมวันเวลานี้ให้ดีสวยงาม ฉันก้าวเดินมาในเส้นทางนี้เพื่อสิ่งใด มีเรื่องราวเหตุการณ์มากมายที่ต้องค้นหา ที่คนเขลาอย่างฉันไม่อาจล่วงรู้
                เธออยู่ในโลกที่สวยงาม จิตใจโอบอุ้มด้วยความรักจากพระบิดาศาสดาที่หนักแน่นในความอาทร ฉันอยากให้เธอได้แบ่งปันความเมตตาในสัญลักษณ์แห่งความรักนั้นให้แก่ฉันบ้าง ฉันคงเป็นผู้โชคดีในเบื้องหน้า หากความหวังที่หล่อเลี้ยงกายาและจิตเป็นจริงเข้าสักวัน
                เหนื่อยกายไม่พอที่จะทำให้หัวจิตหัวใจอ่อนล้าได้ แต่เหนื่อยใจอาจทำร้ายได้กระทั่งความรู้สึกที่อยู่ในซอกหลืบที่ลึกเร้น  วันนี้ฉันมีความสุขอยู่กับถ้อยคำ ความห่วงใยแม้เพียงเส้นบางๆจากเธอ ฉันมีความหวังจากสิ่งที่เราต่างรู้ แม้ไม่อาจได้พบเจอ แต่ทุกเวลาที่ผ่านไป ผู้ชายคนนี้เฝ้ารอการชิดใกล้ สายตาที่ห่วงหาจากเรา แม้ต้องแลกกับความอ้างว้าง เดียวดายซักกี่ค่ำคืนที่ผ่าน  ฉันคิดถึงเธอ...เยาวธิดา

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

ต่างก็รักกันต่างก็รู้กัน...

          เวลานี้ในอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันยังมีความสุขเีีคียงข้างเธอ เรามีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน อยากให้เธอได้นึกถึงมัน มันไม่คุ้มเลยกับบางสิ่งที่มาบั่นทอนจิตใจ แต่ละวันที่พ้นผ่านไปจากนี้คงมีแต่ความทรมานใจ ด้วยเงื่อนไขของเวลา ภาระ การงานที่ไม่อาจพบเจอ ทำให้เราอาจต้องห่างเหินกันไป เมื่อคืนรู้บ้างไหมว่าฉันหลับไปพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล เสียใจ กับความอึดอัดที่ไม่มีแม้ใครที่รับฟัง มันเกิดขึ้นที่ตัวฉันคนเดียว ต้องยอมรับมัน 


ไม่ได้ขอที่จะเข้าไปนั่งในหัวใจ แ่ต่เต็มใจจะห่วงใยเธอ

         เมื่อไรช่วงเวลาที่แสนนานที่มันทรมานใจจะผ่านพ้นไปเสียที ฉันไม่อยากทำให้อะไรมันแย่ไปกว่านี้อีก อยากหนีไปให้ไกลจากอารมณ์และความรู้สึกนี้ แต่มันมีแต่ภาพมีแต่หน้าเธอลอยเข้ามาในทุกๆที่ที่นึกถึง ฉันไม่มีใครไม่มีแม้คนที่มารับฟังเรื่องราว ได้โปรดกลับมาอย่าทำให้ คนคนนี้ต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด เจ็บปวดที่ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากการรอคอยเวลาให้มันบั่นทอนจิตใจไปทุกๆนาที ทุกๆชั่วโมง ฉันถูกกักขังด้วยภาระการงาน ถูกกักขังไปซะทุกอย่างไม่มีแม้โอกาสจะได้ทำความเข้าใจ ไม่มีแม้โอกาสจะได้ยินเสียงเธออีก ได้โปรด... 


ฉันขอโทษ ที่รักเธอมากเกินไป

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

1 เดือนกับอัมพวาและการพบหน้ากันครั้งแรก

        อาจไม่มีช่วงเวลาที่ต่อเนื่อง แต่ผ่านมา1เดือนแล้วสินะที่เราได้พบและได้เจอกันไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มารู้จักกันอีกครั้งในสถานการณ์ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความคาดหวังที่จริงจัง แต่การได้เรียนรู้จากเธอทำให้ฉันเปลี่ยนในหลายๆมิติ การได้มีเวลาทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาตลอด 1 เดือนกว่าที่เราเริ่มคุยและพบเจอกันคงพอทำให้ช่วงเวลาเงียบเหงานี้มีคุณค่ามากขึ้น เธอคิดเหมือนฉันไหม...


        ไม่อยากให้เธอต้องรู้สึกเหงาว้าเหว่ อยากให้รู้ว่ายังมีกันอยูุ่ทุกวัน บางวันอาจน้อยบางวันอาจมากแต่มันก็จะไม่เลือนหายไปจากนี้ ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไร อาจไม่คิดไม่หวังสิ่งใดรอบกาย มีแต่เพียงความทรงจำดีๆระหว่างเรา และเสียงเพลง เสียงดนตรีปลอบประโลมใจให้พ้นวันต่อวัน ขอบคุณนะที่เข้ามาเติมเต็มในช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต สัญญาว่าจะเก็บรักษาความทรงจำดีๆและทุกวันของเราให้สวยงามไปตลอด ขอแค่ไว้ใจและอย่ากลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป


First memory







วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

ฮู่ ฮู้ ฮู ฮู่

รอได้ไหมหัวใจของเรา ผ่านความเหงาและความคิดถึงไป ซักวันนึง...
รอได้ไหมถึงจะแสนนาน มองตาฉันและฟังฉันให้ดี...


         วันที่เวียนหมุนไปแต่ละวันฉันค้นพบความสุขใกล้ตัวไม่ห่างจากหัวใจเท่าไรนัก ฉันจะมีแต่วันนี้และวันพรุ่งนี้ใกล้ๆ ถ้าหากไกลไปกว่านั้นฉันคงเกิดความคาดหวังเหมือนที่ผ่านมา เธอคงเข้าใจ 


ไม่ใช่ไม่รักหรือไม่ต้องการ แค่หวังให้เธอไปเจอสิ่งที่ดีงาม...


ความรักฉันหลุดพ้นจากพันธนาการของอัตตามานานแล้วนะ
ขอแค่เธอมีความสุข แค่นั้้นฉันก็สุขใจ แต่มันคงจะดีถ้าความสุขนั้นมีฉันเดินเคียงข้างเธอไปด้วยกัน ^___ ^

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

จุดอ่อนของฉันอยู่ตรงที่หัวใจ

รู้ตัวดีว่าทำตัวไม่เหมือนใคร คิดอะไรก็พูดมันไปไม่แคร์ใครซะอย่าง...


จุดอ่อนของฉันอยู่ตรงที่หัวใจ ที่ทำเป็นแข็งแรงที่ฉันแสดงที่แท้แทบขาดใจอยากได้ทั้งความรักอยากได้คนเข้าใจ...
ว่าภายในใจรักเธอเพียงใด และรัก...ทั้งหัวใจ


เข้าใจบ้างไหม...


วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ช่วยบอกได้ไหม

          ทุกอิริยาบทที่เป็นธรรมชาติของเราจะเป็นคำตอบให้กับทุกๆวันที่ดำเนินไป ฉันไม่ไขว่ขว้าคำตอบใดให้แก่เราอีก จะมีแต่สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ความรู้สึกที่ดีๆต่อกันเรื่อยไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้แต่อยากให้ช่วงเวลาดีๆแบบนี้เกาะเกี่ยวเราไปถึงวันที่ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบ กับประสบการณ์ที่ไม่สู้ดีนักระหว่างเรา หวังว่าคงจะใช่ เธอคิดเหมือนฉันไหม...

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ทุกวันที่ต้องไกลเราจะได้พบกันใหม่

         ในวันที่กลับมาเลื่อนๆลอยๆแปลกๆ วันที่เย็นย่ำกลับสายฝนพรำ กับชีวิตห้องสี่เหลี่ยมลำพัง เหมือนไร้หัวใจ เหมือนหัวใจอยู่ไกล ข้อจำกัดของความรักที่มันสอนให้เราต้องเรียนรู้ อดทนต่อการรอคอยพบเจอ คุณค่าของกาลเวลาตอบสนองในเพลาที่สุกงอมน่าจะเป็นสิ่งที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุด 
         จะเอาดวงใจฉันค้นใจเธอ ให้เจอะสิ่งที่เธอนั้นเก็บไว้ ถ้าเธอมีคำนั้นไว้ในใจเธอทำไมไม่พูดมันออกมา ฉันรู้เหมือนที่เธอรู้ว่าความรักต้องใช้วันเวลา จะอยู่เพื่อจะฟังคำนั้นนั่นคือรางวัลที่ปรารถนา คุ่มค่ากับการค้นใจของเธอ

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

ฉันเคยบอกกับเธอรึยัง

จากวันนี้จะขอ ... ทำทุกอย่างเพื่อเป็นรางวัลชีวิตเธอ


ดีใจที่เรารู้สึกไม่ต่างกัน
ดีใจที่ยังมีคนอย่างเธอมาเห็นคุณค่า
ดีใจที่วันนี้เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเหมือนวันวาน
ดีใจที่เราเข้าใจกันและมันจะสวยงามต่อไปตราบที่เรายังอยู่เคียงข้างกัน


ดีใจนะที่ได้เจอคนอย่างเธอ คนที่ทำให้ฉันเป็นตัวเองมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน ขอบคุณนะคะ ^ ^

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

ความคิดถึง

อาจดูไม่มีเวลา
อาจดูไม่ใส่ใจ
อาจดูเหมือนแข็งกระด้าง
อาจดูไม่เหมือนคนที่รักกันในบางเวลา
แต่ฉันคิดถึงเธอคนเดียว...นะ 

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

เหมือนมีอะไรบางอย่าง

           ดีใจที่เรายังกลับมาพูดคุยถึงเรื่องราวในวันเก่าๆในสถานที่เดิมๆ ที่เรามีความทรงจำดีๆร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวในสถานะเพื่อนที่ดีต่อกัน ได้รับรู้สิ่งรอบตัวของวันวานที่เราต่างออกมาจากความสัมพันธ์แบบเดิม ความบังเอิญในวันเดียวกับที่เราอยากพบเจออยากนั่งคุยเรื่องราวในวันข้างหน้ากับเธออีกคนที่เข้ามาเติมเต็มในวันเวลาที่ขาดหาย แต่จู่ๆสายเรียกเข้ากับต่างออกไปจากที่คุ้นชิน ปีกว่าที่เราไม่ได้พบไม่ได้เจอเธอยังเหมือนเดิมนะ เหมือนเปลี่ยนผ่านอะไรบางอย่างขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องราวก่อนที่เราจะพบเจอกันแต่บอกได้แค่มีความสุขมากกับค่ำคืนที่เป็นของเรา ได้มองแววตา ได้พบเจอกันในบรรยากาศที่อบอวลด้วยสายฝน ดนตรี ฉันรักเธอนะ เยาวธิดา แต่คงต้องใช้เวลาทบทวนความหวาดหวั่นทั้งหลายที่สองเราเคยมี แต่ฉันมั่นใจว่าวันนึง ความรักและเวลาจะช่วยเยียวยาสิ่งภายในที่เคยเกิดจากประสบการณ์เดิม ไม่มีเรื่องราวใดน่ายินดีกับวันพรุ่งนี้เท่ากับตอนนี้ที่เราต่างรู้สึกดี อดีตก็คงเป็นแค่เครื่องกล่อมเกลาจิตใจให้เรายับยั้งสิ่งไม่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของเรานะ ดีใจที่เราคืบหน้าไปอีกขั้น ขอบคุณนะ ฉันสัญญาว่าจะดูแลเรื่องราวของเราให้ดีที่สุด ^ ^

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ประกาศภาวะฉุกคิด

       ผมไม่เชื่อในระบบทุนนิยม ผมเดินออกมาจากตรงนั้นมานานแสนนาน ที่ย้อมและหลอกตัวเองไปเพื่อจะได้มาซึ่งความสุขจอมปลอมจากสังคมวัตถุผ่านเรือนร่างและความใคร่ลวงตา 
       แต่ดูเหมือนผมได้มาเหยียบย่ำแดนดินที่ทุกอย่างตีราคาคุณค่าเทียมไปซะหมด ความคิดที่จะก่อร่างสร้างตัวมันจางหายไปนานมากแล้วนะ มันห่างไกลสันดานเดิม ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นหรือปล่อยให้มันดำเนินไปโดยไร้ระเบียบ ความคิดความเข้าใจในโลกนี้มันมาไกลเกินกว่าจะเริ่มต้นหรือมันมืดบอดในมิติของครอบครัวจนลืมนึกถึงบางสิ่งที่เป็นพื้นฐานของปุถุชนทั่วไป 
       บางทีการกระโดดมายืนบนขอบอ่างที่ปลาน้อยใหญ่ว่ายวนกันอยู่เพียงลำพังก็ช่างเหน็บหนาวและปวดร้าวเหมือนกันที่วันเวลาผ่านไปฉันได้แต่เฝ้ามองการเริ่มต้นและความสำเร็จของผู้คนที่ผ่านเข้ามา หรือเธอจะเข้ามาหยุดความคิดนั้น ตอบไม่ได้ ฉันไม่ได้รอคอยคำตอบนั้น และมันก็ไม่ได้อยู่ที่เธอ แต่มันน่าจะอยู่ที่คำว่า "เรา"