วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นานแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึก

         คืนที่นอนไม่หลับออกมายืนรับลมแสงไฟสลัวอ่อนก่อนกลับเข้าไปบนเตียงว่างเปล่าเอาเท้าก่ายหน้าผากเหม่อมองเพดานสีขาวนวล ฟังเรื่องราววันใหม่ในสังคมผ่านจอตู้สี่เหลี่ยมที่ไม่ได้เหลียวไปมองมันสักนิด ก่อนหน้านั้นไม่ถึงชั่วโมงมีสายเข้าจากคนที่เราเข้าใจว่ามีอะไรบางอย่างที่รอทดสอบและพิสูจน์เราอยู่ ความสุขจากเสียงที่ผ่านเข้ามากับกิจวัตรที่เราต่างรู้ แต่คืนนี้มันต่างออกไปใคร่ครวญถึงสิ่งที่ผ่านมาจากวันแรกที่เรารู้สึก มันมีลำดับเรื่องราวที่น่าแปลก ไม่อาจเชื่อได้ว่าการผ่านโลกมืดมาในระยะเวลาพอสมควรจนไม่ยี่หระต่อศีลธรรมและครรลองสังคมจะกลับมายืนอยู่ท่ามกลางความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างสนิทใจ ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันเปลี่ยน เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คิดถึงคนอื่นมากขึ้น คิดถึงคนที่รักและหวังดีกับเรามากขึ้น แคร์ความรู้สึกคนอื่นๆมากขึ้น ความหยาบภายในใจลดลง ขอบคุณอีกครั้ง ที่เธอมาทำให้โลกที่มีแต่สีดำกลับมาสดใสอีกครั้ง ^__^

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รัก (Love is all around )

โอ้...เธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้



แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร



ไม่มีตัวอักษรแสดงความรู้สึกใดๆ ที่ดีและมีความหมายเท่าการได้บอกกับเธออย่างตรงไปตรงมาถึงที่มาและที่ไปในหัวใจของฉันตอนนี้...รู้สึกดีนะ

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คนใหม่

            ที่ผ่านมานั้นก็ไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร ไม่มีจุดหมายแค่ใช้ชีวิตไปให้หมดวัน แต่พอวันนี้้ฉันพบเธอเธอผ่านมาในใจฉัน ทำให้ทุกคืนวันเกิดมีเรื่องราว เธอทำให้ฉันไม่เหมือนเดิม เธอเติมชีวิตตรงที่ขาดหาย เธอทำให้ฉันลืมความเหงาเดียวดาย เปลี่ยนไป ตั้งแต่ได้พบเธอ


             ฉันไม่รู้ว่าความสุขแบบนี้จะยั่งยืนรึป่าว แต่แค่วันนี้รู้สึกอุ่นใจที่เรามีกัน แม้ฉันจะไม่คุ้นชินกับแนวทางปฎิสัมพันธ์ที่ห่างไกล แต่แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเราในวันที่สิ่งรอบตัวมันพัลวันเช่นนี้ ฉันกลัวว่าวันนึงถ้าเราเริ่มชิดใกล้คาดหวัง เธออาจไม่มีความสุขเหมือนวันคืนที่ผ่านมา จะรอวันนั้นที่เธอหายหวาดหวั่นกับพายุและสายฝนที่เย็นฉ่ำนะ อยากจับมือเธอแล้วเดินฝ่าฝนไปด้วยกัน จะรอวันนั้นสัญญา 



วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขอบคุณเธอจริงๆ

          วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมความสดใสทั้้งหัวใจและแววตา นานมากแล้วที่ไม่ได้รับแรงบันดาลใจอยากตืื่นเช้าขึ้นมาทำสิ่งดีๆ วิธีคิดที่ไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนหากเรายังเดินย่ำอยู่กับความทรงจำเดิมๆก็ไม่มีอะไรมาสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านั้นออกจากชีวิตมืืด แต่รู้มั้ยค่ำคืนวานฉันได้ผ่อนคลายทั้งสายตา วาจา คำปลอบประโลมมากมายภายหลังต้องกดดันจากการงานในช่วงเวลาหนึ่งที่เราไม่ได้คุยกัน ฉันทรมานประหนึ่งสิ่งสำคัญได้เลือนหายไป ลึกๆแล้วเราคงต้องการแค่นี้ที่ใจสามารถเป็นสุขได้โดยไม่มีเงื่อนไขกับปัจจัยรอบกายที่วายวุ่นรุมล้อม หวังว่าเราคงจะเป็น jigsaw ที่ตามหากันอยู่ในโลกเบี้ยวใบนี้ที่ไม่มีอะไรแน่นอน  




เพราะเธอจริงๆ ขอบคุณอีกครั้งนะเยาวธิดา

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อัมพวาไม่เหงาเพราะเยาวธิดา

ตั้งแต่วันนั้นอัมพวาไม่เหงาเพราะเธอนะเยาวธิดา


เราจะมีเวลาที่แสนดีในวันที่เงียบเหงา 
เราจะมีเรื่องราวให้ฝันดีในบางคืนที่มันอ่อนไหว







วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ใจฉันที่อัมพวา

โปรดเถอะใจฉันมันทำไมถึงสั่นทันทีที่เจอหน้าเธอ

รู้รึป่าวที่อัมพวาไม่เหงาเพราะเธอนะเยาวธิดา

รู้รึป่าวว่าฉันคิดและรู้สึก กับสิ่งที่เห็นและจำมันได้ดี

รู้รึป่าวว่าต้องห้ามมันจากนี้ไป เพื่อให้เราคุยกันได้เนิ่นนาน

รู้รึป่าวว่า ฉันคิดถึงเธอ แต่ต้องทำแบบนี้ เพราะกลัวเธอลำบากใจ

ฉันรู้ว่าเธอไม่คิดอื่นใดนอกจากคำว่า เพื่อน ฉันเข้าใจดีและจะจำไว้ให้ขึ้นใจ

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เกือบลืมไปแล้ว

       นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียง ดีใจที่จอยยังคิดถึงพี่อยู่ แม้มันจะไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร แค่โทรมาถามทาง ถามชื่อโรงแรม รู้ว่าจอยคงมีชีวิตใหม่ คงมีความสุขดี แค่นี้ก็มีความสุขแล้วสำหรับพี่ ไม่รู้ลึกๆแล้วจอยต้องการอะไร หรือคิดถึง หรือต้องการตอกย้ำอะไรบางอย่าง น้ำเสียงพี่อาจจะเหมือนลืมทุกสิ่งสิ้นไม่คิดไม่ยึดติดอะไร แต่ลึกแล้วใครจะรู้ ว่ามันยังเป็นเครื่องหมายคำถามในหัว แต่แค่รู้ว่าจอยยังมีชีวิตที่ดียังมีเสี้ยวนึงที่คิดถึงกันอยู่ก็พอแล้ว


แต่ทั้้้งหมดชีวิตมันจะพอไหม...ที่จะใช้เพื่อลืมไม่คิดถึงคนหนึ่ง

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บอกไปก็แค่นั้น

           ไม่ใช่เหงา ไม่ใช่เพ้อ ที่เป็นแบบนี้มันมีที่มาที่ไปจากหนหลัง ไม่ใช่ใจง่ายแต่ตั้งใจรู้สึกเธออาจมีเรื่องราวและผู้คนที่ข้องเกี่ยวเกินกว่าจะมารู้สึกในมุมที่แอบซ่อนแบบนี้ แต่ดีที่ได้บอกไปว่าเราจะได้มีโอกาสคุยกันมากกว่านี้ ในแง่มุมต่างออกไป เธออาจไม่ได้โดดเด่นจากหญิงสาวทั่วไปในวัยเหมาะสมแต่มีอะไรที่ต้องค้นหา และน่าเชื่อว่าเราคงคุยกันได้ยาวนานในบรรยากาศที่ต่างไม่ต้องการผูกมัดหรือ พันธนาการจอมปลอม ฉันจะรอวันนั้นที่พบกันและหวังว่าจะมีความก้าวหน้ากับความสัมพันธ์ครั้งนี้

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ไม่คิดไม่ฝัน

           3 วันหยุดที่ผู้คนหลั่งไหลออกไปจากเมืองกรุงคราคร่ำด้วยรถราน้อยใหญ่ในยามอาทิตย์อัสดง ในขณะที่ผู้คนวุ่นวายกับการเดินทางกลับ แต่กลับมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้กลับบ้านด้วยเหตุจำเป็นหลายประการรวมถึงตัวผมด้วย กับวันที่ต้องอยู่กับความจริงที่สุดในชีวิตหลายๆด้าน ความจริงที่ว่าเหตุปัจจัยเบื้องต้นก่อเกิดผลทำให้ต้องพยายามทำให้ตัวเองอยู่นิ่งที่สุดเพื่อลดปัญหาและความวุ่นวายทั้งภายนอกและภายในจิตใจ อยู่กับตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริง ทุกอย่างได้ถูกกำหนดจากผลกรรม มันจัดสรรได้เหมาะสมกับช่วงเวลาและตามปีปฎิทินอย่างแยบยล ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความสุขภายในใจเราขาดหายหรือทุกข์มากมายที่ไม่ได้ทำอะไรดั่งใจหวัง แต่ก็ยังมีความสุขกับโลกส่วนตัวโลกเสมือน โลกของเสียงเพลงและดนตรี แค่นี้คงทำให้ผ่านช่วงเวลาที่น่าสังเวชอีกช่วงหนึ่งไปได้

ถ้าวันนึงใครได้เปิดโลกแห่งความจริงและความฝันของฉันมาบรรจบกัน ไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะโชคดีหรือโชคร้ายที่ได้รับรู้สิ่งที่ซับซ้อนและคงทำใจยากกับการเดินไปพร้อมกับสิ่งหนักหน่วงในมโนจิต ปล่อยให้ฉันได้อยู่กับความสุขที่เหงาๆต่อไปอย่างนี้เถิดดาว จันทร์ ตะวัน ทะเล หมอก เมฆ ไอแดด และสายลมหนาว

เธอจะเข้ามาเพื่อทำให้คลายเหงาจากตัวอักษรผ่านทางหน้าจอหรือจะมาทำให้คลายเหงาได้เนิ่นนานตลอดไปสิ่งไหนที่จะรับประกันคงเป็นเวลาที่จะบอกได้ว่าเราจะเปิดประเด็นในการสนทนาในมุมใดอีก คงไม่มีเวลามากในการค้นหาสิ่งที่เจอปนในบทสนทนาเพราะถึงเวลาที่ชีวิตไม่มีเว้นว่างคงยากที่จะมีช่วงเวลาที่อักษราโลดแล่นและทำให้ฉีกยิ้มเป็นระยะได้แบบนี้ ขอบคุณนะที่ช่วงหนึ่งได้พูดคุยแลกเปลี่ยนในสิ่งที่คล้ายคลึงหรือหายเหงาได้บ้าง

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เช้าของวันฟื้นไข้

มนุษย์ที่มีความสุขแล้วยิ้มคือมนุษย์ที่ปกติ แต่มนุษย์ที่มีความทุกข์แล้วยิ้มได้คือมนุษย์ที่น่านับถือ

        เช้าของวันใหม่ที่ร่างกายได้พักผ่อนกับฤทธิ์ยาและอาหารที่มีประโยชน์นานๆจะได้ Heal ตัวเองแต่คงเพราะไวรัสที่ทำให้ร่างกายต้องเร่งปฎิกิรายาตัวเองเพื่อการรักษาและต่อต้านเชื้อโรคออกจากกายา  วลีข้างต้นของฟักกลิ้ง ฮีโร่ คงสะท้อนตัวตนของเราๆท่านๆได้ในสภาวะที่สังคม การดำเนินชีวิตมันเร่งรัดไปเสียทุกเรื่อง ขนาดจิตสงบไม่สุงสิงวุ่นวายกับสังคมโลกมากเท่าไรนักยังมิวายเจอบททดสอบเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บจนได้ แต่ก็ผ่านพ้นวินาทีไข้สูงต้องเช็ดตัวคนเดียวดูแลตัวเองคนเดียวคงชินชากับความเป็นอยู่แบบนี้ไปอีกนาน และไม่รู้เมื่อไรทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆให้ชีวิตได้สดใสอีกครั้ง

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จุดเริ่มที่ปลายทาง

วันแรกที่ใหม่ๆกับชีวิตการทำงานในกระทรวง แตกต่างออกไปจากที่คุ้นชิน
ชีวิตสันโดษกับสังคมเมืองหลวง ไม่มีอะไรหวือหวาและต่างไปจากชีวิตเมื่อก่อนในเชียงใหม่
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ ความรู้สึกเหงาเดียวดายที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิม ชีวิตไร้คู่
จะมีใครเข้าใจ ความอ้างว้างแบบนี้ มีสิ่งใดที่มาเปลี่ยน ไร้เงา วนเวียนเหมือนเดิม

ฉันมาที่นี่เพื่อสิ่งใดในความสำเร็จอีกขั้นที่ไร้คนเคียงข้าง

ฉันไร้คนคิดคู่เคียงในวันที่สูงและหนาวกว่าคนทั้งหลายในสังคม

ฉันยังคงเดียวดายเพราะกรรมเก่าหนหลัง สมเพชตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉันยังคงคิดถึงใครบางคนที่ไม่มีตัวตน เธอเหล่านั้นมากมายวนเวียนในความทรงจำ

ฉันละทิ้งอัตตา และสรรพสิ่งจากเบื้องหน้าทุนนิยม ฉันอยู่เพื่อตัวเอง ครอบครัว

และคนที่หวังดีกับฉันด้วยใจจริงเท่านั้นหรือ ยังคงเป็นคำถาม