วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เหนื่อย

เราคงจะต้องลาจบกันแค่นี้ ลืมวันที่ฉันมีเธออยู่
ที่ฉันเคยจริงใจ ในวันที่เพ้ออยู่
ทั้งที่ฉันไม่เคยอยู่ในสายตา และใจของเธอ

เหนื่อยกับความรัก ที่เธอไม่มีฉัน
เธอลืมเรื่องราวของเราเพียงพ้นวัน
เหนื่อยที่จะฝืน ให้เรารักกัน
เมื่อวันนี้เธอไม่มี หัวใจให้ฉัน..เหมือนเดิม

เธอลืมความรู้สึกที่เคยให้กัน เธอลืมว่าฉันนั้นเฝ้าคอย
หนทางยังยาวไกล เลือนลางและเลื่อนลอย
แล้วฝันที่ฉันคอยมันคงไม่จริง มันคงไม่เจอ

เธออาจไม่เคยรู้สึก..เสียใคร
มันอาจจะหายจาง..จากใจ
คล้
ายว่าเธอตื่นจากฝัน



วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สิ่งที่เราไม่เข้าใจ

           สิ่งที่คิดกับสิ่งที่ทำมักสวนทางกันในเวลาที่ต้องการอะไรบางอย่าง
           สิ่งที่เคยเป็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เหมือนหนังซ้ำภาพฉายเก่าๆ
           สิ่งที่เคยผิดพลาดกลับไม่ได้ช่วยให้คนเราเลิกนึกฝันทะเยอทะยาน
           สิ่งที่เราอยากทำกลับถูกทอดทิ้งเพราะเรื่องราวที่ผูกติดเหมือนกับดัก
           สิ่งที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ แต่ต้องมาทยอยรับผลของการกระทำนั้นไปโดยปริยาย
           สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้มักจะเริ่มก่อตัวและถาโถมมาในเวลาเดียวกัน
           สิ่งที่เราไม่เข้าใจก็ยังคงเป็นคำถามต่อไปไม่ว่าจะในปัจจุบันหรืออนาคต
           สิ่งที่เคยตักเตือนไม่เห็นผลและคุณค่า ต่อเมื่อไม่เหลือสิ่งใดนอกจากทางตัน
           สิ่งที่เราเหมือนจะเข้าใจเหตุผล บ่อยครั้งกลับฉงนสงสัยในบั้นปลายของชีวิต


           สิ่งที่เราไม่เข้าใจ...

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เมื่อใดที่สายลมพัด

                 ความสงบนิ่งเพื่อยังประโยชน์แก่ผู้คนที่ปรารถนาดี การแสดงน้ำใจต่อใครก็ตามเป็นสิ่งที่ดีในช่วงเวลาที่สายลมพัดโชยมา แม้ว่าเราได้ตัดสินใจเลือกทางเดินที่ต่างกันมานานนับปี จุดหมายและสิ่งรอบตัวห่างไกลกัน บางอย่างคงหลงเหลือในความทรงจำดีๆ รู้ว่าจากนี้ต่างก็ต้องเดินแยกทางกันไป กว่าจะมาพบเจอกันใหม่คงเนิ่นนาน มิตรภาพสำคัญกว่าความสัมพันธ์ ขอบคุณที่ยังนึกถึงกัน การอยู่อย่างสงบเงียบแบบนี้คงเป็นสิ่งดีเพื่อรอคอย คำตอบหรืออะไรบางอย่างจากใครซักคนที่ต่างก็มีภาระหน้าที่ในยามยากด้วยกัน ความคิดถึงหยุดพัก และกำลังหมุนต่อไป บางทีจุดที่ความคาดหวังมันจางหายไปแบบที่เป็นอยู่ อาจดีต่อใครหลายๆคน ที่ร่วมสังฆกรรมภายใต้ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ปัญหาที่ไม่อยากรับรู้ ความวุ่นวายของอดีต ปัจจุับัน  ไม่อยากคิดต่อเติมให้อะไรๆมันบั่นทอนไปกว่าการ ยืนอยู่ในจุดที่การเคลื่อนที่ช้าแต่การหมุนเบาบาง สายตาปรับระดับต่ำลง อัตราการกระพริบตอบสนองต่อสิ่งรอบกายก็ ต่ำลงด้วยสิ่งใด มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ ความสุขรอบกาย นับจากวันที่เราไม่ได้พบกัน ดิ่งลงอย่างช้าๆ ช่วยกลับมาต่อายุไขของจิตใจที่เย็นชาให้กลับฝื้นคืนมาอีกครั้ง เราต่างรู้ว่าสิ่งใดคือความจริง และความงดงาม หากมีการทับซ้อนหรือแชร์สิ่งใดไปเราคงรู้ดี ขอได้โปรดบอก ฉันคนนี้มีอยู่ อยู่ได้ด้วยความสงบนิ่งไม่ไหวติงต่อโลก และความสัมพันธ์ใดๆ เหนื่อยเพลีย อ่อนล้า หลับตา ฝันดี

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเดินทางเพื่อพบกับ "วันใหม่"

             การเดินทางของเรือลำเดิมในกระแสน้ำอุ่นใหม่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาสายน้ำที่เชี่ยวกราด อากาศรอบกายที่เหน็บหนาว ความทรงจำมากมายที่ผ่านเข้ามาตลอดระยะเวลาการเดินทาง บัดนี้ท้ายเรือและฝีพายเหน็ดเหนื่อยกับการควบคุมทิศทางเรือ คำนวณ ครุ่นคิดกับจุดหมาย เวลา ฟ้าฝนหลงฤดูท่ามกลางน้ำที่อุ่นขึ้น ไหลโชยเื่อื่อยเหมือนลมพัดพาในหน้าใบไม้ผลิ ผู้คนมากมายต่างเร่งฝีพาย ในห้วงมหานทีที่กว้างใหญ่ การเดินทางที่แสนเดียวดายกลับช้าลง ตามร่องน้ำที่เราเองเลือกทางเดินเอง รอบข้างมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย การยินดี ปรารถนาดี การอวยพร ร้องขอ กำลังใจที่หล่นหาย การได้หยุดพัก ผูกเชือกกับกิ่งไม้ริมทาง นั่งมอง น้ำไหลไปข้างหน้า เศษใบไม้แห้งบ้างสดบ้างร่วงโรย ไหลไปตามน้ำอย่างนอบน้อมต่อทิศทางการไหล  เย็นย่ำที่กำลังผ่านแสงแดดอ่อนละมุนค่อยๆกลบสีเทาของอดีตคล้อยต่ำลงท่ามกลางผีเสื้อน้อยใหญ่ ดอมดมดอกไม้ริมสองฟากฝั่งน้ำ ราตรีกำลังคลืบคลานเข้ามา ค่อยๆเอื้อมมือผูกเปลผ้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างลำเรือ นึกถึงใครบางคนที่ทำให้เวลา และบางราตรีงดงาม ความห่างไกล ค่อยๆลบเลือนความสัมพันธ์ แต่ความรู้สึกยังอยู่ แค่ภาระและความเป็นจริง ทำให้ต้องก้าวเดินไปในภพและเวลาที่ต่างกัน วันพรุ่งนี้ การเดินทางจะเริ่มต้นใหม่ เพื่อพบกับเช้าวันใหม่ที่สดใส วันที่อดีต จะไม่กลับมาทำร้าย วันที่จะไม่ต้องรู้สึกผิดกับการไม่ตอบสนองสิ่งที่ดีงาม เพราะท้ายที่สุดเราก็ไม่อาจควบคุมการไหลของกระแสน้ำที่เปลี่ยนผันไปทุกวัน ร่องน้ำสายไหนที่ทำให้เราเดินทางต่อด้วยความสุข ปลอดภัย และได้ต่อเติมแสงแดด ค่ำคืนที่งดงามทุกวัน คงเร่งฝีพายต่อไปในทางเดินนั้น ทางเดินที่ฉันเองไม่รู้ว่าจะหมดแรงเมื่อไร แต่จะจดจำรายทางที่ยังมีความสวยงามรออยู่ มิตรภาพ ความห่วงใยที่ลอยลมมาหาในทุกๆวัน

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รัก รอ จันทร์

รัก รอ จันทร์
คำร้อง/ทำนอง  เจตน์นที  ราชเมืองมูล

          ก่อนเคยเชื่อว่ารักนั้นเปรียบดั่งแสงดวงตะวัน ร้อนแรงแผดเผาหัวใจให้ต้องทุกข์ทน
จนวันนึงที่ฤดูกาลผ่านพ้น ฉันพบคนหนึ่งคน ที่ทำให้ฉันรู้ว่า แสงจันทรามีความหมายเพียงใด
       
          รักที่เธอให้มา มันมีค่าเกินกว่าสิ่งไหนๆ ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร ที่ทำให้ฉันสัมผัส ชีวิตหลังดวงตะวันที่งดงาม
         
          อยากจะขอให้แสงจันทร์สาดส่อง เปล่งประกายให้ยาวนานในคืนที่ฉันมีเธอ วันพรุ่งนี้แม้เรานั้นไม่อาจพบเจอ แต่ฉันจะเก็บภาพเธอไว้นานเท่านาน อยู่ที่เงาจันทร์

          ทุกๆวันที่ผ่านไปแม้ต้องเจ็บปวดกับแสงตะวันสักเท่าไร ฉันจะข่มใจให้ความรักนำทางไปพบเจอแสงของเธอในราตรีที่เนิ่นนาน อีกครั้ง สัญญาต่อกันได้ไหม ไม่ว่าจะนานเพียงใด จะไม่ทิ้งกันตลอดไป...

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ที่เดิมของเรา

เพลง  ที่เดิมของเรา
คำร้อง /ทำนอง  เจตน์นที   ราชเมืองมูล
     

          ในวันที่ฟ้าครึ้มแสนเศร้า เธออาจรู้สึกเหงาอ่อนล้าสับสน โลกสีจางเหมือนไม่มีใครซักคน สิ่งเดียวที่อยากให้รู้ไว้ จำไว้ เส้นทางแสนไกลกว้างใหญ่จากวันนั้น แคบลง เพราะเราได้ถักทอความเข้าใจ ที่ตรงนั้น เธอยังจำได้ไหม

          หากวันนี้ลมฝนแรง ไร้สิ้นแสงดาวพร่างพราว ให้เธอหยุดเดินและกลับมาตรงนี้ ที่เดิมที่มีแต่คำว่าเราเข้าใจ ฉันอาจไม่ได้เป็นทั้งหมดของหัวใจ หรือเป็นเหมือนใครคนที่เธอใฝ่ฝัน แต่ในทุกๆวันเราจะมีกันบนฟ้าสีคราม

           * จะมีฉันและเธอเดินเคียงข้าง สุดปลายทางฝัน หากเหนื่อยท้อหลบกายใต้ร่มเงาของกันและกัน  เชื่อว่าซักวันสิ่งที่หวังคงงดงาม

            ไม่ได้ขอให้เธอต้องคิดถึงกัน ไม่ได้หวังให้เธอใส่ใจกันในวันที่เหน็บหนาว  ฉันอาจเหงาเดียวดายว่างเปล่า แต่ฉันก็จะกลับมายังดาวที่เรามีกัน ที่เดิมตรงนั้น ของเรา

             เพราะเราเข้าใจ เพราะทางแสนไกล เพราะเธอนั่นไง ที่ทำให้ฉันมายืนที่ตรงนี้ ที่ที่เรามีกัน

         

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เพลงของเรา

         นักแต่งเพลงรุ่นเล็กรุ่นใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า ทุกคนสามารถประพันธ์บทเพลงของตนเองได้อย่างง่ายดายตามความรู้สึกและเหตุการณ์รอบกายที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปทุกวัน หากฝึกฝนจนเกิดทักษะก็สามารถแต่งเพลงให้แก่ผู้คนสิ่งรอบข้างได้ แต่ข้อจำกัดของอารมณ์ทำให้หลายต่อหลายคนไม่อาจเขียนเพลงตามใบสั่งได้ในเวลาที่จำกัด ต้องก่อเกิดความอยากที่จะเขียนหรือ รอช่วงเวลาที่ส่งผ่านข้อความจากเบื้องบน เหมือนท่อกลวงที่รอรับสารเพื่อถ่ายทอดออกมาจากผ่านปลายปากกา สู่กระดาษขาวว่างเปล่า
         แท้จริงแล้วผมเคยแต่งเพลงเก็บไว้เมื่อหลายปีก่อนสมัยยังเรียน ป.ตรี แต่คุณค่าและการนึกถึงตรึกตรองสิ่งรอบตัวมันเบาบางซะจนไม่อาจเทียบเคียงเพลงรักที่กลาดเกลื่อนในกระแส แต่ได้มารับรู้เปลี่ยนผ่านเรื่องราวบางอย่างก็อยากที่จะกลับมาจับปากกา แต่งเพลงรัก และเพลงของวันวาน ความหลัง ความหวังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แรงบันดาลใจทั่วไปที่หาได้ไม่ยากเย็นนักตามตรอกซอกซอย คนข้างกาย แม้ไม่ได้มีความรักอยู่จริงในเบื้องต้น วัตถุดิบที่มีตอนนี้คง ถ่ายทอดออกมาในมุม เหงา เข้าใจโลก และการเดินทางของ ชีวิต ความรัก กระแสสังคมที่รายล้อม ฉันมีแรงบันดาลใจอีกครั้ง เพราะเธอ และเพลงของเรา "เยาวธิดา"


         

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

100 ความเข้าใจ

เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ
เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ

สิ่งที่ทำให้เธอไหวหวั่น


รู้ก่อนมีฉันนั้นเธอมีใคร และเขาสำคัญเท่าไร ก่อนที่เขาจากไปทิ้งเธอ
ฉันก็คือคนที่มีแค่ใจ ที่รับเธอได้เสมอ
ทั้งรู้ว่าเธอไม่เคยลืม

ตลอดเวลาเหมือนเธอรออะไรบางอย่าง
แต่ก็ยอม เพราะหวังสักวัน ชนะหัวใจของเธอ

แล้วสิ่งที่ฉันนั้นเคยหวาดกลัว
ไม่ขอให้มันเป็นจริง สิ่งที่ทำให้เธอไหวหวั่น
เขากลับเข้ามา ให้เธอเห็นใจ
และขอให้เธออภัย แล้วฉันต้องทำอย่างไร

เธอบอกกับฉัน ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไร
แต่อยู่กับฉัน แค่เพียงกายแต่ไร้หัวใจ

เพราะว่าเธอและเขา
ถ่านไฟเก่ายังร้อน รอวันรื้อฟื้น
แล้วคนมาทีหลังต้องทนต้องฝืน อย่างฉันคนนี้
เธอต้องบอกวิธี ให้ทำใจ

ตลอดเวลาเหมือนเธอรออะไร บางอย่าง
แต่ที่ยอม เพราะฉันก็อยากชนะใจ
เธอบอกกับฉัน ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไร
แต่อยู่กับฉัน แค่เพียงกายแต่ไร้หัวใจ


เมื่อถ่านไฟเก่าของเธอ ยังมีไฟ
อย่าได้ปล่อยฉันตาย ในกองไฟ

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำสำคัญ

             ช่วงเวลาในชีวิตเราอาจจะมีช่วงที่ดีและร้าย อาจมีคนมากมายที่ร่วมสุข แต่ในตอนที่เราทุกข์ใจมองหันไปไม่เคยเจอใคร มีเพียงสองเราเท่านี้...
             แต่จะมีซักกี่คนเข้าใจ ว่าความรักนั้นไม่ต้องการอะไรมากกว่าใจกับใจที่ให้กัน บางทีคนเราเหมือนจะลืมมันไป ว่าอะไรที่มีความหมายและสำคัญ
             
             แ่ค่แววตาเธอกังวลเศร้าหมองก็ทำให้หลายชีวิตต้องมีผล ในดีมีแย่ในแย่มีดี หากใจเราผ่านพ้นจุดที่แย่มาได้เรื่องราวต่างๆก็จะกลับมาอยู่ในมุมมองที่ดี เบาบางลง อยากให้รู้ว่าเป็นห่วงมาก แต่ก็ทำได้แค่นี้ รับฟังอยู่ห่างๆ อาจมีสิ่งที่ตัวเราเองไม่อาจรู้ ถึงความจริงบางอย่าง แค่มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่คงไม่สำคัญกว่าสิ่งที่ส่งตรงถึงเธอ
             มีหนทางที่บางคนรอคอยอีกหลายเส้นทาง แต่ชีวิตต้องเดินต่อ ต้องมองไปข้างหน้า มีคนเปรียบเปรยว่า ชีวิตเหมือนการขับรถ อาจมีกระจกมองหลังและกระจกข้างให้ชำเลืองมอง แต่สุดท้ายส่วนใหญ่เราก็ต้องมองไปข้างหน้ามากกว่า นี่คงเป็นช่วงเวลาที่การตัดสินใจระหว่างลังเลเกิดขึ้นอีกครั้ง เส้นทางสายเก่าที่คุ้นเคย เส้นทางมิตรภาพที่รอคอย คงได้แค่แวะเวียนผ่านทางไม่อาจทำให้เราเดินไปสู่สันพรุ่งนี้ได้อย่างที่เป็นมา เงยหน้ามองฟ้าแล้วสะกดแต่คำว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ท่ามกลางดวงดาว และเธอจันทร์ผู้ให้ความสว่างในบางเวลาที่แรมรอน

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ไม่สำคัญ

            ความเข้าใจต่อเรื่องราวต่างๆไม่สำคัญต่อการสนองตอบเหตุการณ์ เท่าการใช้ชีวิตให้อยู่ได้เหมือนคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว การเก็บคิด ความละเอียดอ่อน หยาบกร้านก็ต่างกันในโลกของอารมณ์ความเป็นจริง ภูมิคุ้มกันวัคซีนใดๆไม่อาจเพียงพอ ต่อพิกัดโดสที่ร่างกายและจิตใจที่ไม่ปกตินั้นต้องการอย่างแท้จริง ผู้คนที่คิดวกวนอยู่กับห้วงเวลาของการกอดรัด เหนื่อยรั้งดึงกับ ความอาลัยคาดหวังต่อสิ่งที่เคยเป็นของๆเรา ตัวตน คนเคียงข้างกายที่เคยพะเน้าเล้าโลม รู้สึกสูญเสียเมื่อไม่มีใครข้างเคียงทั้งความรู้สึกและกายหยาบ ไม่มีสิ่งใดทำร้ายบั่นทอนได้เท่ากับตัวของเราจิตของเราที่หมกหมุ่นต่อสิ่งครุ่นคิดเบื้องหน้า เพียงหลับตาให้ความเงียบชะล้างความมัวหมอง เช้าตื่นก็อาจเป็นเพียงเรื่องที่พ้นผ่านเล็กน้อยเบาบางลง แต่หากไม่ยอมปล่อยมือออกจากความหนักก็จะยิ่งผูกติดสะสม แม้กระทั่งคนผ่านโลกเข้าใจดีต่อสิ่งท้าทายก็ยังพลาดพลั้งในบางคราว

            จงปล่อยผ่านเหมือนสายลมเหมันต์ ที่เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนผ่านความปวดร้าวก็จะคลี่คลายหายไป จงมีและเชื่อใน ความรักที่จะการเผชิญต่อปัญหา ตราบใดที่ลมหายใจยังรวยรินก็ต้องดิ้นต่อไปเพื่อไขว่คว้าหาความสุขจอมปลอมที่มาจากดีมานด์ปลอมๆ ต่อไป

             ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับก้อนหินก้อนนั้น
             ไม่มีความคิดของใครรังแกเธอได้เท่าความคิดของเธอเอง

รักลอยลม

 อยากฝากความรักนี้ไปกับฝน
บอกให้รู้ถึงใครสักคน
แต่ฝนนั้นทำให้ใจฉันเศร้า
และฉันเหงาเหลือเกิน

หากมีใครรู้ช่วยบอก
ฉันท์ใดเหตุใดรักจึงอยู่แสนไกล
และวันนี้ทำไมฉันยังไร้คู่และไม่รู้ทางไป
เมื่อไหร่นะ จะได้เจอเขา ที่เราตามหา เมื่อไหร่น้า
ฉันอยากจะวอนลมช่วยพาหัวใจฉันไปได้มั๊ย
ช่วยส่งไปเจอคนที่รอที่ปลายฟ้านั้นได้มั๊ย
แต่ลมจะพาหัวใจฉันไปถูกมั๊ย
ฉันได้แต่รอให้สายลม
ลมจะพาพัดหัวใจของเราให้ลอยไป
ไปสู่อีกใจ

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กระดาษ เวลา ปากกา พู่กัน

           ถ้าหากเวลา เป็นเหมือนดังพู่กัน และใจของคนเหมือนดังกระดาษที่เป็นสีขาว
 กระดาษของฉันคงมีแต่ความว่างเปล่า และคงไม่มีเรื่องราวมาแต่งมาเติมเท่าไร
 จนเธอเข้ามา เข้ามาเติมแต่งใจ เข้ามาฝากเอาไว้แต่สิ่งดีๆเรื่อยมา ...

 เพลงนี้เป็นของเธอผู้เดียวนะ ความข้องเกี่ยวนิดเดียวที่ฉันมี...

 พระจันทร์ก็ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่เคยหายไปไหน เหมือนกับบางคนแม้จะไม่ได้พบเจอ
 แต่เค้าก็ยังอยู่ในใจเราเสมอ

คนเราอาจมีหลากหลายแตกต่างกันไป ฉันอาจสื่อสารได้ไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วต้องการพูดอะไร

สายลมบางครั้งก็พัดพาความเหน็บหนาว แต่บางคราวก็พัดพาความอบอุ่นมาสู่กลางใจเราได้อีกครั้ง

     

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มันคงเป็นความรัก

           อารมณ์สีเทากับวันเบาๆหลังจากผ่านค่ำคืนที่เงียบงัน จากอิทธิพลของอารมณ์และความรู้สึกมนุษย์ที่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการวนเวียนอยู่ในโลก สังคมและความคาดหวัง ความพอดีของใจเที่ยงความหลากหลายของกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันในภาระหน้าที่บทบาทที่ต่างกันแต่ภายใต้ร่มหลังคาอันเดียวกัน ล้วนก่อเกิดปัญหากระทั่งกระทบต่อจิตใจ ความรู้สึก การพูด เปิดใจเป็นสิ่งสำคัญต่อการอยู่ร่วมกัน การทำงาน ดำรงชีพคู่ขนานไปกับการประคับประคอง ส่วนประกอบของชีวิตให้ดำิเนินไปพร้อมๆกัน
           เรื่องราวความรักที่เรื่อยเปื่อย กลางๆไม่เอนเอียง ความรักที่ไม่มีความมั่นคง มีแต่ความจริงที่ต่อเติมให้ทุกวันดูมีคุณค่าไม่ขาดหาย หากวันใดที่ต่างคนต่างเหนื่อยต่อสัมพันธภาพก็อาจแปรเปลี่ยนไปตามเส้นทางที่โดนลิขิตไว้ ให้ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อรองรับคนหน้าใหม่ที่มีความเข้าใจมากกว่าเข้ามาแทนที่ ฉันอยู่บนเ้ส้นทางที่ไม่เอนเอียงต่อสิ่งใดอีก อาจเป็นแค่หัวใจ อารมณ์ความรู้สึก หากมีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาอาจจิตใจสั่นไหว แม้กระทั่งคนในวันเก่าที่ยัง วนเวียน บางครั้งการหลุดพ้นจากวิถีทางแห่งรักที่ผ่านมาอาจเป็นสิ่งที่รอคอยการค้นพบสำหรับเรา ตอนนี้อาจมีบางคนที่กำลังแอบหวังแอบรักผู้ใดเข้าให้ด้วยใจที่เป็นสุขอยู่ไม่ไกลจากคนคนนั้นเพียงแค่เห็นรอยยิ้มการเคลื่อนไหว จากความจริงและโลกเสมือนหน้าจอก็เพียงพอต่อความสุขเล็กน้อย  อาจมีคนที่กำลังจะทบทวนอะไรบางอย่างเพื่อกลับไปในเส้นทางเดิมที่เคยย่ำเดินด้วยกันในบรรยากาศเก่าๆที่คุ้นเคย  หรืออาจมีบางคนที่ยังคงหวังใจให้คนคนนั้นก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยบททดสอบอะไรบางอย่างที่เชื่อว่านั่นเป็นประตูเชื่อมไปสู่ความลงตัวของแนวคิดเส้นขนานที่มาบรรจบกันในค่ำคืนหนึ่งซักวัน เหล่านี้ล้วนก่อเกิดจากความรักที่งดงามในเบื้องต้นและห่อเหี่ยวในท่ามกลางดับสลายในบั้นปลาย ฉันบินมาไกลเพื่อสะกดรอยรักที่พลัดหลง หรือเพื่อตามหาบอนไซแห่งรักที่ยังคงแคระแกนยับยั้งการเติบโตของตัวเองเพื่อรอคอยอะไรบางอย่าง  


ฤดูกาลอบอุ่นแล้วกลับมาได้ไหม...ความรักของฉัน

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

นั่งมองดูฟ้าคิดถึงเธอ

คิดถึงวันเก่า สองเราเปียกปอน ท่ามกลางสายฝนโปรยอ่อน และเธอกับฉันสัมผัสกัน
ช่วงเวลาที่เหมือนเคยอยู่ในฝัน จ้องมองดูสายฝนพรำ เหลืออยู่กับวันที่สายไป นั่งมองดูฟ้าคิดถึงเธอ

เธออาจเหน็บหนาวทุกคราวที่เจอะคลื่่นลม ก็ห่มใจฉันด้วยความอบอุ่นของเธอ
อาจมองไม่เห็นเส้นของขอบฟ้าไกล ยังมีแสงดวงดาวจะคอยนำทางให่เราก้าวไป
เธอแน่ใจ ฉันแน่ใจ

อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา ต้า Paradox
****************************************************************
ไม่ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน แค่หลับแต่วันให้ถึงคืนใหม่ เพื่อค่ำลงจะได้มุ่งตรงออกไป
ไปทำลายเวลาที่มีค่าของชีวิต ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ไม่คิดอะไร
เจ็บยังไม่พอใช่หรือเปล่า ยังแย่ไม่มากพออีกหรือชีวิตเรา ต้องหนักซักเท่าไรเธอถึงจะลืม
ความเศร้า ทำร้ายตัวเองจะช่วยให้ลืมได้จริงรึเปล่า ฉันถามจริงๆ

แต่ว่ามีบางคำที่เธอลืมไป ทำให้ภายในใจฉันมีปัญหา ก็ไม่แน่ใจ บอกฉันซักทีเธอบอกมา
รอฟังคำนั้นอยู่รู้รึเปล่า...หากเพียงได้ยินคงบินได้ถึงดวงดาว

มันคงเป็นความรักที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้

อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข (แสตมป์)
*****************************************************************

เธอลองย้อนมอง หยุดเดิน พักใจไว้ก่อน แดดไม่ร้อนหมอกจางไปแล้วเธอค่อยเริ่มใหม่อีกครั้ง
วันนี้แค่เธอเหนื่อยกับรักที่สับสนไร้เรี่ยวแรงพลัง ฉันขอเป็นคนนั้นช่วยแบ่งเบามันได้ไหม

จะลองไขว่คว้าหาคำตอบจากเธออีกสักครั้ง แม้จะดูเลือนลางอ้างว้าง แต่ใจบางๆดวงนี้ก็มีสุข
แค่ให้เธอเข้าใจไม่ต้องกังวลว่าฉันจะทุกข์ เพราะท้ายที่สุดเราอาจแค่ผ่านมาพบเจอในวันเหงาเท่านั้นเอง

แค่สองเราชิดใกล้ โลกนี้ไม่ต้องการสิ่งใด ฉันเชื่อในสิ่งสำคัญของใจ มากกว่าสิ่งไหนที่บั่นทอนคุณค่า
เวลาหรือนาทีไม่สำคัญจากวันนั้นที่เราได้พบกัน จะเก็บช่วงเวลานี้ให้ยาวนานข้างความทรงจำของฉันและเธอตลอดไป เธอเชื่อเหมือนฉันรึเปล่า

เจตน์นที ราชเมืองมูล (หยก)
*****************************************************************

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ฉันรอเธออยู่ตรงนี้ อยู่ที่ปลายรุ้ง

เธออยู่แห่งไหน เธอได้ยินไหม ฟ้าสีครามที่สองเรานั่งมองในวันที่สุขใจ 
วันที่เหน็บหนาวเปลี่ยนเป็นสดใส แต่เธออยู่ไหน เธอจะบินกลับมาไหม


 เธอได้สอนให้ฉันได้กอด กอดจนหัวใจที่ว่างเปล่า เต็มไปด้วยความรัก มันมีค่ากว่าสิ่งใด
 แต่ลมหนาวพัดมาเร็วไป วันที่ฉันได้ทำพลาด กอดเธอไม่แน่นพอ เธอบินหายไป


หา หา เธออยู่ไหนแหงนมองดูท้องฟ้ากว้าง วันที่ฟ้าสีครามเปลี่ยนเป็นฤดูกาล 
อบอุ่นรอให้เธอบินกลับมา  และนับต่อจากนี้จะมีแต่น้ำแห่งความสุขที่ไหลรินออกมาด้วยไออุ่น


จากเราสองคนด้วยรัก


              ช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาลที่แสนธรรมดา กับอีกหนึ่งวันที่ไม่สามารถควบคุมสิ่งใดรอบตัวได้ดีเหมือนเคย ตะวันจ้าจรดค่ำคืนดาวจันทร์เต็มดวง ยังคงวนเวียนรอคอยดังเก่า หากความรู้สึกเหงาเกาะกุมอีกครั้งเมื่อไร เป็นสัญญาณที่ไม่สู้ดีนัก พรุ่งนี้ฉันยังคงเดินต่อไปกับความสุขในทางสายใหม่ที่ไม่ได้โรยด้วยกลิ่นไม้หอมดอมดมสิ่งคุ้นเคย หากแต่รูปแบบการใช้ชีวิตที่พ้นผ่านได้สอนสั่งความยะเยือกในใจได้ดีตอนนี้ การไม่มี ความว่างเปล่า อาจดีกว่าในบางเวลา แต่ฉันเองผู้โหยหาซอกหลืบแห่งรักให้พักพิงคงอดรนทนไม่ได้ที่จะกลับไปอยู่เพียงลำพังเอกา ฉันอยู่ในที่ที่สงบแห่งหนึ่งที่จิตใจได้พักผ่อนเอนกาย นั่งตรึกตรองจิตของตนเองทุกวัน มีเวลาได้อ่านความคิดของผู้คนในสังคมรอบกายใหญ่น้อย มีความสุขกับหนังสือบางๆ คอลัมภ์โปรดประจำวัน ดูฟุตบอลทีมรักเตะบ่อยครั้ง แม้ว่าอนาคตจะเลือนลางไม่เห็นแม้แสงสว่าง แต่ความสุขสุดท้ายที่มีตอนนี้คือ การได้มี การได้ต่อเติม อยู่ในเส้นทางแห่งรักและเข้าใจ กับเธอที่แสนดี แต่ไม่ช้าวันนึงเธออาจต้องโบยบินจากไป ในวันที่ฤดูกาลเปลี่ยนผ่านอีกครั้งเพื่อพบเจอไออุ่นที่เป็นจริงกว่าลมฝันวันที่ลางเลือน กับชายที่ผุพังทั้งในฝันและความจริง

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พักตรงนี้ดีกว่า

            เพราะทางนั้นไกลอยู่ และไม่รู้ต้องเดินอีกไกลเท่าไร มีเรื่องราวมากมาย ที่ยังคอยให้เราเข้าไปพบเจอ ที่ตรงนี้นั้นมีต้นไม้ มีร่มเงาให้นอนสบายพักผ่อน ลมไม่แรงแสงแดดไม่ร้อน มีฟ้าเอาไว้ห่มนอนและรักแท้จริงใจ พักตรงนี้ดีกว่าเหนื่อยมานานกับความสับสนวุ่นวาย นอนเถอะนอนให้สบาย ตื่นขึ้นมาแล้วเดินต่อไปตามทาง ตื่นขึ้นมาแล้วแรงกลับคืน ยืนแล้วเดินต่อไปตามทาง
            เวลาที่หลายชีวิตต้องการกำลังใจต่อเติมพลังชีพที่อ่อนล้าท่ามกลางภัยพิบัติ ท่ามกลางจิตใจที่เสียสูญ ได้ผ่อนพักกับสิ่งที่หนักๆ ทั้งภาระงานการเอาชีวิตรอด การช่วยเหลือ ความสับสนที่ก่อขึ้นเอง การอยู่กับปัจจุบันคือสิ่งที่สำคัญ การพะวงถึงวันข้างหน้ามากเกินไปอาจทำให้เหนื่อยล้าอมทุกข์กว่าวันนี้ บางทีเราอาจไม่รู้ว่าหนทางที่เราเหยียบย่ำมั่นใจในทุกย่างก้าวจะมั่นคงแข็งแรงทนต่อแรงเสียดทานของสรรพสิ่งได้มากน้อยเพียงใด ไม่มีใครรู้ เราจึงควรใช้สติกำกับในทุกก้าวเดิน อาจโซซัดโซเซไปตามแรงลมพายุ เปียกปอนเพราะสายฝน ลมหนาว แต่มันคือบททดสอบจากธรรมชาติ ถามตัวเองว่าวันนี้เราทำดีกับสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเราดีพอรึยัง บางผู้สวมหมวกหลายใบหลายบทบาท แขนไร้เรี่ยวแรงเพราะแบกสิ่งของมากมายในชีวิต แบกใจที่ทะลักออกมานอกตัวล่องลอยไปอยู่กับคนอื่น ผูกติดอยู่กับคนอื่น อาจเป็นทุกข์หนัก หากไม่ปล่อยวาง วันนี้ฉันทำหน้าที่ไม่ดีพอในหลายๆบทบาทที่ฟ้าประทานให้  การเป็นลูกที่ดี การเป็นคนทำงานที่ดีให้แก่องค์กร การเป็นคนรักที่ดีให้แก่ใครซักคน ยังคงรอคอยคำตอบจากทุกๆวันที่ผ่าน วันที่เหนื่อยได้พัก วันที่รักจะได้ไม่เหนื่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ฉันรักในสิ่งที่เรากำลังดำเนินไป ฉันรักในสิ่งเงียบงัน ฉันรักในความพอดี ฉันรักและรอคอยเธอผู้ซึ่งหลับใหลในภวังค์แห่งรัตติกาลที่เยือกเย็นเต็มไปด้วยม่านหมอกแห่งความกลัว ฉันรักเธอ

ความคิด

             เราอยู่ในยุคที่น้ำท่วมใหญ่วัยกลางคน ผู้คนจะพูดถึงเรื่องราว อารมณ์ความสูญเสีย ความรู้สึกต่างๆในทศวรรษนับจากนี้ สภากาแฟ ร้านเหล้า แวดวงสังสรรค์ในอีก10ปี คงมีเรื่องราวหัวข้อน้ำท่วมใหญ่ในกรุงให้คุยสนุกปากส่วนคนที่ไม่ท่วมไม่เดือดร้อน อาจต้องเหงาปากนั่งเงี่ยหูฟังไร้ตัวตนในวงสนทนา 
             ซากสิ่งปฎิกูลทั้งหลาย ขยะหลายล้านตัน การรื้อสร้างซ่อมแซมสิ่งผุพังหักกร่อนจากน้ำแช่นานแช่ขังหมักหมม อาจใช้เวลาเพียงไม่นานผ่านการช่วยเหลือของทุกคนไม่นานจะกลับมาสวยงามดังเดิมหรือดีกว่าเก่า แต่ิสิ่งที่จะงดงามและไม่สูญหายไปไหนคือน้ำใจและการช่วยเหลือ มันสามารถบอกเล่าเหตุการณ์ได้อย่างสนิทใจไม่ว่าจะอีกกี่เดือนปี ความทรงจำของมนุษย์ในยามยากเป็นsuper hard disk ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด เฉกเช่นเดียวกับความทรงจำของเด็กหนุ่มหญิงสาวที่ติดกับดักของความรัก ความขมขื่นจากมิติสังคมความแตกแยก ครอบครัว การจากลา ล้มหายตายจากของบุคคลที่รัก  ส่งผลให้เกิดบทสนทนาเรื่องราวที่อยู่ในจิตใต้สำนึก เราคงมีร่องรอยบางอย่างที่เฉียดกันในวัยเด็กขนานกับเส้นชีวิตปัจจุบันตามช่วงเวลา 
              เคยนึกสงสัยใครซักกี่คนที่จะมีความเกี่ยวพันในชีวิตวัยเด็กสืบค้นต่อเนื่องถึงปัจจุบันได้อย่างประติดประต่อ คงมีแต่เธอ หรือเธอ หรือใคร แต่ฉันมั่นใจว่าอยากอยู่เคียงข้างกันไป ในยามนี้ที่ชีวิตเลือกสิ่งใดได้ยากเต็มที ทุกวัน ทุกความคิดที่ก้าวเดินไป จะสวยงามและมีความหมายตราบที่ความเข้าใจของเรายังอยู่ ชีวาราตรีอาจไม่คล้อยเคลื่อนในเดือนดาว บางค่ำคืนอาจขาดหายในความมืดมิด ค่ำคืนที่มีความหมายของใครหลายต่อหลายคนอาจไม่มีเงาของเราทอดแสงจันทร์แต่ฉันก็ยังคงอยู่ที่เดิม ถักทอเส้นใยแห่งรักของเราให้หนาแน่นอบอุ่นในทุกๆวัน ฉันสัญญา กับเธอผู้เดียว

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วันที่แสนธรรมดาแต่มีความหมาย

            วันที่เหมือนไม่มีความหมายอะไรนอกจากวันที่มีครบ24ชม.เหมือนทุกๆวัน แต่ย้อนเวลากลับไป3เดือนที่ผ่านมา ยังจำความรู้สึกถึงการได้พบกันในจอภาพสี่เหลี่ยมโดยบังเอิญแฝงความตั้งใจ ดีใจที่เราได้พบกันในช่วงเวลานาฬิกาชีวิตที่แทบจะหยุดเดิน ความเข้าใจก่อตัวขึ้นเรื่อยๆท่ามกลางอุปสรรคความต่าง ปัญหา แนวคิด สภาพสังคม การรับรู้ พื้นฐานจิตใจ อดีตที่เลวร้าย ดีงาม ผสมกับความอ้างว้างก่อกวนอารมณ์ ทำให้เป็นมารผจญความคาดหวังต่างๆ ฉันไม่รู้จากนี้ไปมันจะเป็นยังไง จะจบหรือจากในรูปแบบไหน จะมีสิ่งทดสอบอะไรอีกมากมาย จากภายนอกและภายในจิตใจของเราเอง แต่มันไม่มีอะไรสำคัญกระทบกระเทือนความมั่นคงที่มีให้ในความรู้สึก อาจมีบางครั้งบางอย่างเช่นวันนี้ ปริศนาที่ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยบอกกัน ฉันเชื่อถ้าเรามีกันจริงๆแคร์กันจริงๆ มันจะพรั่งพรูออกมาจากข้างใน โดยไม่ต้องบีบบังคับ หรือยัดเยียดความรู้สึกให้กันอีก 
            อดีตผู้คนของเราที่ผ่านมาอาจมีช่วงเวลาที่แตกต่างกัน มันเป็นสัจธรรมของความสัมพันธ์บนโลกนี้ หากวางใจที่จะอยู่คู่กันแล้ว ไม่อาจมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงได้แม้จะต้องเจ็บปวด จากคมหอกดาบทางใจทั้งจากตัวเองและมโนจิตที่ก่อขึ้นจากเหตุการณ์เบื้องหน้า ฉันพร้อมเผชิญกับเธอนับจากนี้
           
            ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอจริงๆ 

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

momentum คือสิ่งสำคัญ

             ปฎิกิริยากับจิตวิทยาเบื้องลึกของจิตใจ มีสิ่งที่ตกกระทบได้ชัดเจนที่สุดคืออารมณ์และความรู้สึกหากมนุษย์ฝึกฝนและควบคุมมันได้มากพออาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตภายใต้สถานการณ์ที่กดดันและเสี่ยงเป้นเสี่ยงตายได้ทุกขณะ โมเมนตัมที่เอนเอียงของปริมาณระดับของจิตใจเป็นสิ่งที่ถูกฝีกกระทำจากเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา นักจิตวิทยาได้พูดถึงทฤษฎีความสับสนที่อธิบายถึง ภาวะไม่แน่นอนของอารมณ์ ความแปรปรวนที่แสดงออกมาอยู่ภายใต้สภาวะที่ยากต่อการยืนยันถึงผลที่จะเกิดขึ้นในสิ่งที่ผู้ป่วยคาดหวัง สอดคล้องกับทฤษฎีการปฎิเสธที่ จิตใจต่อต้านไม่ยอมต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า สิ่งที่เป็นจริงเกิดขึ้นภายในจิตขณะพัก ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือกำจัดออกได้ในเวลาที่จำกัด ทำให้ไม่อยากอยู่กับความเป็นจริง อยากอยู่ในภาวะความฝันครึ่งหลับครึ่งตื่น 
             อารมณ์และความรู้สึกแบบนี้นอกเหนือเรื่องราวปัญหาในสังคมสมัยใหม่ ยังคงเป็นเรื่องราวคลาสสิคที่ทำให้เกิดภาวะจิตใจข้างต้น นั่นคือเรื่องราวที่ประโลมโลกนี้มานานแสนนาน ความรักความผิดหวังภาวะอารมณ์ที่มีในทุกอิริยาบถของรัก การผ่านพบพานเจอะเจอกับสถานการณ์ความรักในรูปแบบต่างๆจากอดีตถึงปัจจุบัน ไม่ได้สร้างความแข็งแรงและความเข้าใจในความรักในความจริงได้เท่าใดนักหากวันที่จิตใจเอนเอียงต่อความรักแท้จริง ไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกที่เกิดเมื่อไรนั่นคือความทุกข์ที่มาทดสอบใจอาจมากน้อยต่างกันตามระดับการรับรู้และสิ่งดีๆที่ก่ิอเกิด วันนี้ฉันและเธอต่างประสบพบเจอกัน พบเจอกับความท้าทายในการผสานสิ่งที่อยู่ภายในให้อยู่ในจุดที่ถ่วงจำเพาะมีความเข้าใจเป็นศูนย์กลางแกนหมุนที่ทำให้เราทั้งสองถูกเหวี่ยงออกด้วยแรง G แรงหนีจากศูนย์กลางนั่นคือระดับอารมณ์ความรู้สึก โมเมนตัมมันอาจสลับสับเปลี่ยนกันตามสถานการณ์ จิตที่กำลังตกดั่งถูกแรงหนีศูนย์กลางเล่นงานไม่ต่างกับทอร์นาโดงวงช้าง ตราบใดที่ยังมีความเกี่ยวพันกันด้วยความสุขก็ยากต่อการกำจัดสนิมในแกนหมุนที่สร้างจากเหล็กกล้า ความรักที่กำลังดำเนินไปอาจไม่มีนิยามที่ชัดเจน แต่ทุกครั้งที่ฉันอยู่ในวงจรหมุนรอบตัวเธอฉันมีความสุขด้วยความเข้าใจที่พิเศษ เราต่างเอาชนะกฏของกาลเวลา และกฏต่างๆมากมายเพื่อที่จะมาพบและอยู่ในเส้นทาง อยากให้เธอที่บอบบางในความรู้สึกได้เข้าใจและกลับมามีพลังต่อสู้กับความรักและความจริงอีกครั้ง ฉันเชื่อในสิ่งที่เป็นเรา และความเกี่ยวเนื่องในความรู้สึกของเรา เธอสุขฉันสุขยิ่งกว่า เธอทุกข์ฉันแทบขาดใจ

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

The Idol คนบันดาล(หัว)ใจ

               มองดูสภาพตัวและหัวใจที่ถูกคุมขังด้วยกรอบในสังคมเบื้องหน้า พบว่าระดับความเข้าใจต่อสรรพสิ่งยังคงดำเนินต่อไป การก้าวล้ำต่อเส้นแบ่งความคิดไม่ได้แสดงออกมาทางกาย สายตา สีหน้า แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่ภายใน น้อยคนที่จะรับรู้ความลึกซึ้ง ของกระบวนการ เรื่องราว และความกว้างของใจในการต่อเติม รับฟัง โอนอ่อนต่อเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา  ย้อนมองต้นทุนความสำเร็จในวันพรุ่งนี้คงไม่มีสิ่งใดหล่อหลอมได้ดีเท่ากับเรื่องราวที่พ้นผ่านและการยืนด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรกเริ่มทางความคิด 
               มีความในใจมากมายที่ไม่ได้บอกกล่าวหากทรายด้านบนของหลอดแก้วใสเหลือเพียงน้อยนิดในห้วงเวลา อยากมีเวลาอนันต์มากพอในการส่งสารถึงพวกเค้าเหล่านั้นที่ในภพนี้เราได้มีโอกาสพบเจอผูกพันในมิติเวลาของโลกใบนี้ ความรักความห่วงใยฐานะมนุษย์ที่นึกคิดยินดีในเรื่องราวหนหลังกับความทรงจำต่างๆ วันนึงคงมีเวลาทบทวนเขียนจดหมายด้วยกระดาษสีขาวบอกกล่าวถึงความปรารถนาดีเหล่านั้นที่ฉันได้รับ จนก่อเกิดปัญญาตัวตนที่อาจไม่ใหญ่ยิ่งในกระแสทุนนิยมแต่เชื่อแน่ว่าหากมีผู้คนได้สัมผัสหรือในวันนึงอาจไปยืนในจุดที่สูงชัน จะต้องสืบค้นถึงที่มาของความพยายามสำเร็จในความคิดที่เป็นเอกภพ ฉันเรียนรู้ที่จะเติมเต็มสิ่งที่มีอยู่ในทุกวัน รอคอยสิ่งที่มาเยือนตามพลวัตของเวลา ย้ำเตือนถึงหนหลังที่ผิดพลาดและฉันจะริเริ่มต่อเติมกับสิ่งใหม่เบื้องหน้าด้วยหัวใจ รอยยิ้ม และความสุขที่เป็นนิรันดร์ กับเธอผู้เดียว


              By Jadenathee  กับคนบันดาล(หัว)ใจ

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อยากให้เธอได้รู้

               ตั้งแต่วันนั้น ที่บอกว่ารัก ฉันเริ่มแน่ใจมากกว่าครั้งไหน เพราะครั้งนี้แม้ไม่สิทธิ์ผูกพันกันมากกว่าคนในอดีตที่ผ่านมาแต่อนุภาคความคิดถึง ความห่วงใย ใส่ใจกันมันสะท้อนออกมาผ่านความรู้สึกบริสุทธิ์ ไม่เจือปนความใคร่ อยากได้หรือครอบครอง ตลอดเวลาเกือบ3เดือนฉันมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นท่ามกลางสิ่งใหม่ๆรอบตัวที่มันสำคัญก็คือการที่เราได้พบ ได้คุย ได้รู้จักกันอย่างแท้จริง ได้รู้จักตัวตนของกันและกัน แม้จะพบว่าระยะห่างมันยังเท่าเดิมแต่ความสุขของการได้พบ ได้อยู่ด้วยกันอยู่ใกล้ๆในบางโอกาสที่เราไม่ได้ทำให้ความคาดหวังมันพังหรือก่อตัวเพิ่ม แค่ฉันรู้ว่าเรามีความสุขในขีดจำกัดที่เรายอมรับมันได้ และฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้มันสะดุดหยุดลง เพราะถ้าฉันเสียเธอไปจากชีวิตคงเสียใจและไม่ให้อภัยตัวเองอีก ความรักแบบนี้อาจต้องการเวลาที่ยาวนาน แต่สำหรับตอนนี้ฉันมั่นใจว่าแม้จะไม่ถึงฝั่งฝันแต่เราจะอยู่เคียงข้างกันไปแบบนี้ได้ ไม่ว่าสิ่งรอบตัวจะเปลี่ยนไปจนมองไม่เห็นสิ่งเก่าๆ เลยก็ตาม


              สิ่งที่ฉันกลัวยังไม่เกิดก็ขออยู่กับสิ่งที่เป็นจริงและมีความสุขกับทุกวันที่ฉันมีเธอ