วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วิถีทางแห่งลูกหนัง2

                  ยุคของการเปลี่ยนผ่านรูปแบบการเล่นเท่าที่ผมสังเกตในลีคยุโรป จริงๆนั้นน่าจะเป็นยุคที่บอลกลายเป็นกีฬาที่มีธุรกิจมาเกี่ยวข้องเต็มรูปแบบ เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปมากกอปรกับการสื่อสารมีความล้ำหน้าการถ่ายทอดสดฟุตบอลทางทีวีนั้นมีหลากหลายมิติเพิ่มทางเลือกให้ผู้ชมได้เข้าถึงได้มีส่วนร่วมได้รู้สึกว่าเราเป้นส่วนหนึ่งของสโมสรของทีมนั้นๆ ความMass มันเข้ามาครอบครองตลาดฟุตบอลโดยที่เราไม่รู้ตัวเผลออีกทีอ่าวมีเสื้อมีของที่ระลึกของทีมโปรดอยู่เต็มบ้านผ่านไปฤดูกาลแล้วฤดูกาลเล่าเริ่มจากการสะสมวีดีโอ จนมาถึงซีดี หนังสือต่างๆ เสื้อทีม ผ้าพันคอ ของแท้บ้างก๊อปบ้างก็ว่ากันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือการขยายฐานตลาดบอลของทีมอังกฤษในเอเชียตั้งแต่ยุคที่นากาตะไปเล่นในซีรี่ อา ตามด้วยนักเตะพลังโสมหลายคนตามไปในบุนเดส ลีกา (ส่วนหนึ่งพวกยุ่นพวกโสมมันเก่งจริง) และพี่ไทยเราก็พยายามยัดเยียดกองหน้าฝีเท้าดีทีมชาติไทยในขณะนั้น ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไปสู่ทีมบอลในเกาะอังกฤษ แม้จะไม่ได้เริ่มในลีคสูงสุดแต่ก็ไปโดนเค้าหลอกจากเอเย่นกากๆทำให้ เสียโอกาสหลายอย่าง ตอนนั้นความฝันที่จะเห็นคนไทยในพรีเมียร์ ลีคก็ดับลงไป จนมายุคที่เรามีนายทุนใหญ่ชื้อเหมือนฟัก(แม้ว) ที่เค้าเอายอดมาผัดอร่อยๆอ่ะครับ เราก็มีโอกาสได้นำนักเตะไปสัมผัสความเป็นมืออาชีพที่แมนซิ 3-4คนก็ยังดีครับเพราะรู้อยู่ว่าเจ้าของคนไทยไงก็ได้ลงแต่แค่ทีมสำรองนะจ๊ะ 555 จากนั้นก็ขายให้กลุ่มทุนจากตะวันออกกลางจากนั้นก็ บลาๆๆ จนมาเป็นแชมป์ลีคสูงสุดของอังกฤษในวินาทีสุดท้ายเมื่อปี 2011-2012 ชนิดที่เรียกว่าพระเจ้ายังไม่กล้าเขียนสคริปนี้ให้ป๋าเฟอร์กี้ต้องเงิบจนวินาทีสุดท้าย แต่ก็ถือว่าเป็นอรรถรสที่เรียกว่ามันพระย่ะค่ะทีเดียว เพราะผมดูบอลมาเกือบทั้งชีวิตยังไม่ลุ้นเท่าวันนั้น ขนาดผีชิงยุโรปกับเสื้อใต้ที่โซลชายิงทดเจ็บยังไม่เท่าวันนั้นเลยครับ
                   จากตอนแรกเป็นเด็กหงส์ดีๆมาพูดแต่แมนซิกับผีเอ๊ะยังไง ท่านที่เป็นแฟนทีมไหนอย่าเพิ่งเหวี่ยงใส่กันครับถ้าชอบฟุตบอลกลมๆเหมือนกันติดตามต่อในบทหน้าครับว่าภาพจำของผมเกี่ยวกับลูกหนังในสไตล์เซียนบอลติสจะเป็นอย่างไรต่อไป

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วิถีทางแห่งลูกหนัง 1

         โลกของลูกหนังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีเรื่องราวมากมายมีตำนานทั้งที่ยังโลดแล่นอยู่และล้มหายตายจาก รวมทั้งบางคนได้ผันตนเองไปสู่โค้ชผู้ฝึกสอนหรือคร่ำหวอดอยู่ในวงการฟุตบอลก็เยอะ สำหรับบทความนี้อาจเป็นการกล่าวถึงภาพรวมของโลกทุนนิยมลูกหนัง ชีวิตพ่อค้าแข้งหรือเกร็ดเล็กน้อยอิงปรัชญาและความเป้นจริงตามวิถีทางของลูกหนังหรือฟุตบอลสมัยใหม่ในยุคที่ผู้เขียนมีลมหายใจอยู่ทั้งในวัยเด็กยุค 80 จนถึงปัจจุบัน (I phone 5 กำลังวางตลาด) ทั้งบอลอังกฤษ ยุโรปและเสียดสีสีลีคไทยบ้าง ตามที่ผู้เขียนได้วิเคราะห์และหาข้อมูลอยู่ในวงการลูกหนังมาทั้งชีวิต (เกือบ 30 ปี)
              ฟุตบอลอังกฤษในยุค80 -90 นั้นต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิงทั้งรูปแบบการเล่น การตลาดข้อมูล ต่างๆ ความยากง่าย ในการเข้าถึงภาพเสียง บทวิเคราะห์ บทสัมภาษณ์เมื่อก่อนจะได้อ่านผ่านกระดาษหนังสือพิมพ์ผ่านคอลัมภ์นิสต์กรองมาให้เราอีกทอดหนึ่งแต่ปัจจุบันทุกคนสามารถโพสแชร์ แสดงความคิดเห็นทั้งในแบบเป็นทางการ เสียดสีทีมคู่แข่งแบบเกรียนๆ (ปัจจุบันคน comment เกรียนมากใน pantip.com) พูดง่ายเชียร์บอลสมัยใหม่ไม่รู้ไม่ได้ พยายามไม่รู้ก็มีคนมาโพสให้เห็นข้อมูล ให้เจ็บช้ำอยู่ร่ำไปไม่ว่าทีมจะชนะแพ้หรือข่าวสารอัพเดทอะไร ผู้เขียนเติบโตมาในยุคที่หงส์แดงหรือปัจจุบันมีคนตั้งฉายาให้ใหม่ว่าเป็ดแดง (เดาว่าเป็นแฟนผี) มีอิทธิพลต่อบอลอังกฤษเป็นอย่างมากเนื่องจากได้แชมป์ลีกสูงสุดหลายสมัยติดต่อกัน เอียนรัช จอห์น บานส์ สตีฟ แม็คมานามาน ต่อเนื่องมาถึง ฟาวเลอร์ ล้วนแต่เล่นบอลกันด้วยความ เมพขิงๆ (เด็กเกรียนเล่นเกมพิมพ์ผิดเนื่องจากคีย์บอร์ดใกล้กันมากจริงๆมันคือ เทพจริงๆ) สำหรับรูปแบบการเล่นนั้นผมได้ดูผ่านรายการเจาะสนามทางช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณโดยคุณ ย โย่ง แกจะพากย์มันมากตอนที่ลูกเข้าประตู หงส์ยุคนั้นต่อบอลทั้งสั้นยาวได้แม่นยำจบสกอร์เฉียบคม ตอนนั้นผู้เขียนน่าจะไม่เกิน ป.2 คนที่อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มจะคิดในใจแล้วว่า ไอ้นี่มันเด็กหงส์แน่...อย่าเพิ่งสรุปครับมาดูกันต่อ ผมโตมากับการเตะบอลบ้าบอลพลาสติก บางครั้งเอาลูกเทนนิสมาเตะ หลังจากจบรายการเจาะสนามตอนบ่ายก็จะบ้าบอเตะอยู่อย่างนั้นจนเย็นมโนว่ามีเพื่อนเตะด้วยหลายคนทั้งที่ชิ่งกับพนังบ้างฟุตบาตถนนบ้าง อยู่อย่างนั้นจนคิดว่าตัวเองชอบลิเวอร์พูล เป็น red machine กะเค้า แต่อะไรคือจุดเปลี่ยนของโลกลูกหนังของผมต้องตามดูกันต่อครับในครั้งต่อไป