วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำท่วมเมฆกระต่ายลอยคอหมาหางงอกอดคอโยกเยก

         ธรรมชาติไม่เคยปราณีและให้อภัยมนุษย์ฉันใด ก็ฉันนั้น 
ไม่มีคำอ้างใดให้กับฟ้า น้ำ อากาศ


ดั่งธาราพาเงามัจจุราช      ช่างเกี้ยวกราดหวาดหวั่นไปทั้งผอง
สองฟากฝั่งแม่น้ำลำตะคอง     นั่งเหลียวมองสะท้อนย้อนดูเงา


มนุษย์นี้ทุกข์เข็ญยากเย็นแสน    บนดินแดนอุดมสมประสงค์
ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวทั่วทุกองค์   หนาวนี้คงสะท้านปานขาดใจ



สิ่งเก่าๆและสิ่งใหม่ๆ

          การถูกเลือกและถูกกำหนดให้ต้องเป็นสิ่งต่างๆการนิยาม ต่างมากจากเงื่อนไขของเวลา สถานะ สิ่งของ และพลวัตที่เวียนหมุนไป วันนี้เราได้เปลี่ยนสิ่งใหม่ แทนสิ่งเก่าที่หมดสภาพตามระยะทางและเวลา ชีวิตคนหนึ่งคนจะมีความทรงจำกับการย่างก้าวที่แสนสบาย ก้าวผ่านสิ่งต่างๆในช่วงเวลาที่ทั้งหอมหวานและขมขื่น สำหรับเราคงเป็นการเปลี่ยนที่มากกว่าสิ่งรองรับบนเส้นทางใหม่ พื้นผิวสัมผัสที่ใหม่ทั้งตอนที่เหยียบย่ำและสัมผัสทางจิตใจ 
          วันที่อยากพบเห็นความสุขจากการแค่เห็นหน้าใครซักคนที่แม้อาจไม่เป็นใจด้วยกาละเทศะ เวลาที่เหน็ดเหนื่อย แต่อยากให้รู้ว่าเป็นห่วง ไม่มีสิ่งใดทัดทานความคิดถึงได้อีก วันที่ว่างเว้นจากกิจวัตรที่ต้องดำเนินฉันอยากพบเจอเธอแม้เพียงไม่กี่นาทีก็เพียงพอ อยากได้มีโอกาสแสดงความห่วงใยต่อใบหน้า นานแล้วนะที่ได้ยินแต่เสียงและรู้สึกผ่านตัวอักษร ฉันจะไปพบเธอในวันที่ฟ้าฝนอาจไม่เป็นใจ สายน้ำและธารารายล้อมเมืองหลวง...

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

คิดถึง

            ฉันกลับไปสู่ห้วงแห่งกาลเวลาที่มืดดำจากความทรงจำเพราะเธอ ไม่อยากฟื้นไม่อยากรู้สึกกับสิ่งเหล่านั้นอีก แต่คงเพราะเวลาที่ล่วงเลยจนบางทีก็ลืมเลือนมันไป ไม่มีผู้ใดไม่มีหรือหนีอดีตพ้น ยังคงตามหลอกหลอนเรื่อยมาแต่ฉันเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบันที่สดใสอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะพบเจอสิ่งใด วัยที่ก้าวผ่านเรื่องราวด้านขนานโลกของคนปกติมาเนิ่นนาน  ภายนอกฉันดูไร้มลทิน ปกติสุขใจจากรอยยิ้มแห้งๆที่ฉาบบนใบหน้าหยาบกร้าน แต่ภายในมีไม่กี่คนที่รับรู้ถึงที่มาที่ไป ฉันได้เปิดเพียงบางส่วนที่อาจไม่คุ้นชิน แต่คงได้ทำให้เกิดการชั่งใจในอนาคตกาลที่จะมาถึง อาจบั่นทอนความสวยงามที่วาดไว้ แต่มันคือความจริงที่เป็นและไม่มีใครลบเลือน มีแต่สิ่งดีๆเพิ่มเติมเท่านั้น ที่จะบอกได้ถึงแนวโน้มในการจัดวางจิตใจให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม


           การที่ต้องย่ำเดินอยู่ตรงกลางระหว่างผู้คน เรื่องราว ครอบครัว และคนที่เรารักบางทีก็ปลงตกอ้างว้างเดียวดาย อยากจะมีเธอฉันอยากจะมีเธอเก็บไว้ในใจอย่างนี้ วันใดฉันรู้สึกแย่จากสิ่งที่รายล้อมฉันจะยังคิดถึงเธอผู้แสนดี...


มองไปที่ฟ้าไกลที่ดวงตาคู่นั้นดวงตาของฉันเฝ้ามอง  แสงที่เธอสัมผัสเชื่่อมความคิดของเราให้ถึงกัน...^ ^ 

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

The moment of stability

ความไร้ซึ่งเสถียรภาพกับความผันแปรของสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดยืนหยัดมั่นคงพอ โลกทุนนิยมกำลังสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยง หุ้นดิ่ง ทองตก ค่าเงินที่ฟุ้งเฟ้อขึ้นตามเข็มนาฬิกา แม้แต่จิตใจของคนที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ขึ้นลงของฮอร์โมนร่างกายและ  Catalyst ทางสังคม เวลาที่ฉันเหลียวมองไปเบื้องหน้าอยากพบเจอกับใครซักคนเพื่อปลดปล่อยความผันผวนทางอารมณ์ออกจากภวังค์ ตามหาใครคนหนึ่งซึ่งอาจมีหรือล่องลอยอยู่ในความเป็นจริง 
           การที่ฉันได้พบเธอ ตามจังหวะห้วงเวลาที่ต่างไม่อาจล่วงรู้ ไม่มีความบังเอิญใน ESP เฉกเช่นเดียวกัน การหยุดนิ่งเพื่อรอคอย การก้าวกระโดเพื่อหลีกหนี ล้วนมีเหตุปัจจัยที่มาต่างวาระกันไป วันนี้แค่เชื่อในความรู้สึก ฉันเดินผ่านจุดทดสอบของอารมณ์มามากมายแต่ไม่อาจก้าวข้ามความเป็นธรรมชาติของความสัมพันธ์ที่ประโลมโลก ไม่อาจทัดทานต่อความคิดถึงคะนึงหา ไม่อาจต่อสู้กับความเดียวดาย ไม่อาจหายใจได้เต็มปอดทุกครั้งที่โดดเดี่ยว ปุถุชนอย่างฉันยังโหยหาความรักจากคนเคียงคู่ อาจเป็นเธอ อาจเป็นผู้หญิงซักคนที่มาหยุดทุกอย่าง หยุดการเคลื่อนที่ของชีพจรในโลกที่ฉันเองก็ไม่อยากสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับอารมณ์ความรู้สึกที่คู่ขนานไปกับความจริง ทุกครั้งที่จิตตกหว้าเหว่ฉันเห็นแต่ใบหน้าอันอิ่มเอิบเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส ฉันเป็นสุขที่ได้มีความทรงจำที่ดีกับเธอนะ  
           ไม่รู้วันใดที่จะได้พบเจอกันอีก ช่วงเวลาที่อยากสร้างความมั่นคงทั้งทางอารมณ์และจิตใจการหยุดค้นหาสิ่งจอมปลอม ไม่มีคำสัญญาใดเทียบได้กับการกระทำของฉันจากนี้ สิ่งดีๆหลายอย่างจะพรั่งพรูออกมา ไม่นานคงได้รับรู้ถึงความจริงใจที่มี อยากเร่งแสงตะวันและจันทราให้เร็วกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจทำได้ในโลกที่ฉันเองไม่อาจควบคุมสิ่งต่างๆแม้แต่ความรู้สึกจากเธอ 
           

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

เธอคือความสุขของฉัน

                ทุกลมหายใจที่ผ่านไป ยังหวั่นในใจกับอะไรๆที่เปลี่ยนแปลงไปทุกๆวัน ฉันเป็นคนเดียวที่จมอยู่กับความรู้สึกนี้ หรือไม่มีอะไร ว่างเปล่า ความสุขทีี่ผ่านมาคืออะไร ความสุขตอนนี้คือเธอ การได้พบเธอคือความสุขสุดท้าย ที่มาแต่งเติมวันเวลานี้ให้ดีสวยงาม ฉันก้าวเดินมาในเส้นทางนี้เพื่อสิ่งใด มีเรื่องราวเหตุการณ์มากมายที่ต้องค้นหา ที่คนเขลาอย่างฉันไม่อาจล่วงรู้
                เธออยู่ในโลกที่สวยงาม จิตใจโอบอุ้มด้วยความรักจากพระบิดาศาสดาที่หนักแน่นในความอาทร ฉันอยากให้เธอได้แบ่งปันความเมตตาในสัญลักษณ์แห่งความรักนั้นให้แก่ฉันบ้าง ฉันคงเป็นผู้โชคดีในเบื้องหน้า หากความหวังที่หล่อเลี้ยงกายาและจิตเป็นจริงเข้าสักวัน
                เหนื่อยกายไม่พอที่จะทำให้หัวจิตหัวใจอ่อนล้าได้ แต่เหนื่อยใจอาจทำร้ายได้กระทั่งความรู้สึกที่อยู่ในซอกหลืบที่ลึกเร้น  วันนี้ฉันมีความสุขอยู่กับถ้อยคำ ความห่วงใยแม้เพียงเส้นบางๆจากเธอ ฉันมีความหวังจากสิ่งที่เราต่างรู้ แม้ไม่อาจได้พบเจอ แต่ทุกเวลาที่ผ่านไป ผู้ชายคนนี้เฝ้ารอการชิดใกล้ สายตาที่ห่วงหาจากเรา แม้ต้องแลกกับความอ้างว้าง เดียวดายซักกี่ค่ำคืนที่ผ่าน  ฉันคิดถึงเธอ...เยาวธิดา

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

ต่างก็รักกันต่างก็รู้กัน...

          เวลานี้ในอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันยังมีความสุขเีีคียงข้างเธอ เรามีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน อยากให้เธอได้นึกถึงมัน มันไม่คุ้มเลยกับบางสิ่งที่มาบั่นทอนจิตใจ แต่ละวันที่พ้นผ่านไปจากนี้คงมีแต่ความทรมานใจ ด้วยเงื่อนไขของเวลา ภาระ การงานที่ไม่อาจพบเจอ ทำให้เราอาจต้องห่างเหินกันไป เมื่อคืนรู้บ้างไหมว่าฉันหลับไปพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล เสียใจ กับความอึดอัดที่ไม่มีแม้ใครที่รับฟัง มันเกิดขึ้นที่ตัวฉันคนเดียว ต้องยอมรับมัน 


ไม่ได้ขอที่จะเข้าไปนั่งในหัวใจ แ่ต่เต็มใจจะห่วงใยเธอ

         เมื่อไรช่วงเวลาที่แสนนานที่มันทรมานใจจะผ่านพ้นไปเสียที ฉันไม่อยากทำให้อะไรมันแย่ไปกว่านี้อีก อยากหนีไปให้ไกลจากอารมณ์และความรู้สึกนี้ แต่มันมีแต่ภาพมีแต่หน้าเธอลอยเข้ามาในทุกๆที่ที่นึกถึง ฉันไม่มีใครไม่มีแม้คนที่มารับฟังเรื่องราว ได้โปรดกลับมาอย่าทำให้ คนคนนี้ต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด เจ็บปวดที่ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากการรอคอยเวลาให้มันบั่นทอนจิตใจไปทุกๆนาที ทุกๆชั่วโมง ฉันถูกกักขังด้วยภาระการงาน ถูกกักขังไปซะทุกอย่างไม่มีแม้โอกาสจะได้ทำความเข้าใจ ไม่มีแม้โอกาสจะได้ยินเสียงเธออีก ได้โปรด... 


ฉันขอโทษ ที่รักเธอมากเกินไป

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

1 เดือนกับอัมพวาและการพบหน้ากันครั้งแรก

        อาจไม่มีช่วงเวลาที่ต่อเนื่อง แต่ผ่านมา1เดือนแล้วสินะที่เราได้พบและได้เจอกันไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มารู้จักกันอีกครั้งในสถานการณ์ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความคาดหวังที่จริงจัง แต่การได้เรียนรู้จากเธอทำให้ฉันเปลี่ยนในหลายๆมิติ การได้มีเวลาทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาตลอด 1 เดือนกว่าที่เราเริ่มคุยและพบเจอกันคงพอทำให้ช่วงเวลาเงียบเหงานี้มีคุณค่ามากขึ้น เธอคิดเหมือนฉันไหม...


        ไม่อยากให้เธอต้องรู้สึกเหงาว้าเหว่ อยากให้รู้ว่ายังมีกันอยูุ่ทุกวัน บางวันอาจน้อยบางวันอาจมากแต่มันก็จะไม่เลือนหายไปจากนี้ ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไร อาจไม่คิดไม่หวังสิ่งใดรอบกาย มีแต่เพียงความทรงจำดีๆระหว่างเรา และเสียงเพลง เสียงดนตรีปลอบประโลมใจให้พ้นวันต่อวัน ขอบคุณนะที่เข้ามาเติมเต็มในช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต สัญญาว่าจะเก็บรักษาความทรงจำดีๆและทุกวันของเราให้สวยงามไปตลอด ขอแค่ไว้ใจและอย่ากลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป


First memory







วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

ฮู่ ฮู้ ฮู ฮู่

รอได้ไหมหัวใจของเรา ผ่านความเหงาและความคิดถึงไป ซักวันนึง...
รอได้ไหมถึงจะแสนนาน มองตาฉันและฟังฉันให้ดี...


         วันที่เวียนหมุนไปแต่ละวันฉันค้นพบความสุขใกล้ตัวไม่ห่างจากหัวใจเท่าไรนัก ฉันจะมีแต่วันนี้และวันพรุ่งนี้ใกล้ๆ ถ้าหากไกลไปกว่านั้นฉันคงเกิดความคาดหวังเหมือนที่ผ่านมา เธอคงเข้าใจ 


ไม่ใช่ไม่รักหรือไม่ต้องการ แค่หวังให้เธอไปเจอสิ่งที่ดีงาม...


ความรักฉันหลุดพ้นจากพันธนาการของอัตตามานานแล้วนะ
ขอแค่เธอมีความสุข แค่นั้้นฉันก็สุขใจ แต่มันคงจะดีถ้าความสุขนั้นมีฉันเดินเคียงข้างเธอไปด้วยกัน ^___ ^

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

จุดอ่อนของฉันอยู่ตรงที่หัวใจ

รู้ตัวดีว่าทำตัวไม่เหมือนใคร คิดอะไรก็พูดมันไปไม่แคร์ใครซะอย่าง...


จุดอ่อนของฉันอยู่ตรงที่หัวใจ ที่ทำเป็นแข็งแรงที่ฉันแสดงที่แท้แทบขาดใจอยากได้ทั้งความรักอยากได้คนเข้าใจ...
ว่าภายในใจรักเธอเพียงใด และรัก...ทั้งหัวใจ


เข้าใจบ้างไหม...


วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ช่วยบอกได้ไหม

          ทุกอิริยาบทที่เป็นธรรมชาติของเราจะเป็นคำตอบให้กับทุกๆวันที่ดำเนินไป ฉันไม่ไขว่ขว้าคำตอบใดให้แก่เราอีก จะมีแต่สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ความรู้สึกที่ดีๆต่อกันเรื่อยไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้แต่อยากให้ช่วงเวลาดีๆแบบนี้เกาะเกี่ยวเราไปถึงวันที่ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบ กับประสบการณ์ที่ไม่สู้ดีนักระหว่างเรา หวังว่าคงจะใช่ เธอคิดเหมือนฉันไหม...

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ทุกวันที่ต้องไกลเราจะได้พบกันใหม่

         ในวันที่กลับมาเลื่อนๆลอยๆแปลกๆ วันที่เย็นย่ำกลับสายฝนพรำ กับชีวิตห้องสี่เหลี่ยมลำพัง เหมือนไร้หัวใจ เหมือนหัวใจอยู่ไกล ข้อจำกัดของความรักที่มันสอนให้เราต้องเรียนรู้ อดทนต่อการรอคอยพบเจอ คุณค่าของกาลเวลาตอบสนองในเพลาที่สุกงอมน่าจะเป็นสิ่งที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุด 
         จะเอาดวงใจฉันค้นใจเธอ ให้เจอะสิ่งที่เธอนั้นเก็บไว้ ถ้าเธอมีคำนั้นไว้ในใจเธอทำไมไม่พูดมันออกมา ฉันรู้เหมือนที่เธอรู้ว่าความรักต้องใช้วันเวลา จะอยู่เพื่อจะฟังคำนั้นนั่นคือรางวัลที่ปรารถนา คุ่มค่ากับการค้นใจของเธอ

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

ฉันเคยบอกกับเธอรึยัง

จากวันนี้จะขอ ... ทำทุกอย่างเพื่อเป็นรางวัลชีวิตเธอ


ดีใจที่เรารู้สึกไม่ต่างกัน
ดีใจที่ยังมีคนอย่างเธอมาเห็นคุณค่า
ดีใจที่วันนี้เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเหมือนวันวาน
ดีใจที่เราเข้าใจกันและมันจะสวยงามต่อไปตราบที่เรายังอยู่เคียงข้างกัน


ดีใจนะที่ได้เจอคนอย่างเธอ คนที่ทำให้ฉันเป็นตัวเองมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน ขอบคุณนะคะ ^ ^

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

ความคิดถึง

อาจดูไม่มีเวลา
อาจดูไม่ใส่ใจ
อาจดูเหมือนแข็งกระด้าง
อาจดูไม่เหมือนคนที่รักกันในบางเวลา
แต่ฉันคิดถึงเธอคนเดียว...นะ 

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

เหมือนมีอะไรบางอย่าง

           ดีใจที่เรายังกลับมาพูดคุยถึงเรื่องราวในวันเก่าๆในสถานที่เดิมๆ ที่เรามีความทรงจำดีๆร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวในสถานะเพื่อนที่ดีต่อกัน ได้รับรู้สิ่งรอบตัวของวันวานที่เราต่างออกมาจากความสัมพันธ์แบบเดิม ความบังเอิญในวันเดียวกับที่เราอยากพบเจออยากนั่งคุยเรื่องราวในวันข้างหน้ากับเธออีกคนที่เข้ามาเติมเต็มในวันเวลาที่ขาดหาย แต่จู่ๆสายเรียกเข้ากับต่างออกไปจากที่คุ้นชิน ปีกว่าที่เราไม่ได้พบไม่ได้เจอเธอยังเหมือนเดิมนะ เหมือนเปลี่ยนผ่านอะไรบางอย่างขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องราวก่อนที่เราจะพบเจอกันแต่บอกได้แค่มีความสุขมากกับค่ำคืนที่เป็นของเรา ได้มองแววตา ได้พบเจอกันในบรรยากาศที่อบอวลด้วยสายฝน ดนตรี ฉันรักเธอนะ เยาวธิดา แต่คงต้องใช้เวลาทบทวนความหวาดหวั่นทั้งหลายที่สองเราเคยมี แต่ฉันมั่นใจว่าวันนึง ความรักและเวลาจะช่วยเยียวยาสิ่งภายในที่เคยเกิดจากประสบการณ์เดิม ไม่มีเรื่องราวใดน่ายินดีกับวันพรุ่งนี้เท่ากับตอนนี้ที่เราต่างรู้สึกดี อดีตก็คงเป็นแค่เครื่องกล่อมเกลาจิตใจให้เรายับยั้งสิ่งไม่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของเรานะ ดีใจที่เราคืบหน้าไปอีกขั้น ขอบคุณนะ ฉันสัญญาว่าจะดูแลเรื่องราวของเราให้ดีที่สุด ^ ^

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ประกาศภาวะฉุกคิด

       ผมไม่เชื่อในระบบทุนนิยม ผมเดินออกมาจากตรงนั้นมานานแสนนาน ที่ย้อมและหลอกตัวเองไปเพื่อจะได้มาซึ่งความสุขจอมปลอมจากสังคมวัตถุผ่านเรือนร่างและความใคร่ลวงตา 
       แต่ดูเหมือนผมได้มาเหยียบย่ำแดนดินที่ทุกอย่างตีราคาคุณค่าเทียมไปซะหมด ความคิดที่จะก่อร่างสร้างตัวมันจางหายไปนานมากแล้วนะ มันห่างไกลสันดานเดิม ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นหรือปล่อยให้มันดำเนินไปโดยไร้ระเบียบ ความคิดความเข้าใจในโลกนี้มันมาไกลเกินกว่าจะเริ่มต้นหรือมันมืดบอดในมิติของครอบครัวจนลืมนึกถึงบางสิ่งที่เป็นพื้นฐานของปุถุชนทั่วไป 
       บางทีการกระโดดมายืนบนขอบอ่างที่ปลาน้อยใหญ่ว่ายวนกันอยู่เพียงลำพังก็ช่างเหน็บหนาวและปวดร้าวเหมือนกันที่วันเวลาผ่านไปฉันได้แต่เฝ้ามองการเริ่มต้นและความสำเร็จของผู้คนที่ผ่านเข้ามา หรือเธอจะเข้ามาหยุดความคิดนั้น ตอบไม่ได้ ฉันไม่ได้รอคอยคำตอบนั้น และมันก็ไม่ได้อยู่ที่เธอ แต่มันน่าจะอยู่ที่คำว่า "เรา"